นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ปรับตัวลงกันทั่วหน้า จากความกังวลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ไม่มีความคืบหน้า หลังจากที่มีรายงานข่าวออกมาว่า เจ้าหน้าที่จีนไม่มีความเชื่อมั่นต่อการเจรจาการค้ากับสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะยกเลิกการปรับเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งจีนมองว่าทั้งสองฝ่ายเคยตกลงกันในเรื่องนี้แล้ว แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดสหรัฐฯปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย เป็นผลจากที่สหรัฐประกาศขยายเวลาอีก 90 วันให้แก่ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ในการซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐ
ส่วนเรื่องที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เข้าพบประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งนายพาวเวลได้กล่าวย้ำต่อ"ทรัมป์"ว่า การดำเนินนโยบายการเงินของเฟดจะขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงหลังจากที่มีความไม่แน่นอนการเจรจาการค้าสหรัฐฯ และจีน ทำให้วันนี้อาจเผชิญแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี
พร้อมให้แนวรับ 1,600-1,595 จุด ส่วนแนวต้าน 1,615 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,036.22 จุด เพิ่มขึ้น 31.33 จุด (+0.11%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,122.03 จุด เพิ่มขึ้น 1.57 จุด (+0.05%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,549.94 จุด เพิ่มขึ้น 9.11 จุด (+0.11%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 50.40 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.92 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 9.77 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 8.70 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 9.65 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 19.11 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.27 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 1.32 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 พ.ย.62) 1,608.00 จุด เพิ่มขึ้น 5.77 จุด (+0.36%)
- นักลงทุนต่างขายสุทธิ 511.76 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 พ.ย.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 พ.ย.62) ปิดที่ 57.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 67 เซนต์ หรือ 1.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 พ.ย.) อยู่ที่ 0.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.18/21 แนวโน้มแกว่งแคบ นลท.ยังรอความชัดเจนเจรจาการค้า มองกรอบวันนี้ 30.17-30.23
- สศค.หั่น "จีดีพี" ปีนี้ เหลือเติบโต 2.6% หลังตัวเลขไตรมาส 3 โตต่ำคาด แนะรัฐเร่งขับเคลื่อน "ภาคส่งออก" เหตุมีสัดส่วนต่อจีดีพีสูง ทั้งยังเกี่ยวพันกับ การผลิต-จ้างงาน จำนวนมาก ด้าน "สมคิด" มั่นใจไตรมาส 4 ฟื้น เหตุได้งบลงทุนรัฐวิสาหกิจกว่า 1 แสนล้านช่วยพยุง ขณะ "สุริยะ" จี้แบงก์ชาติดูแลบาทแข็ง ด้าน ธปท. เล็งปรับคาดการณ์จีดีพีใหม่เดือนหน้า
- แบงก์ชาติ เผยเศรษฐกิจชะลอตัว สงครามการค้ายืดเยื้อ กระทบธุรกิจขนาดกลางหนี้เสียเพิ่ม มองไตรมาส 4 สินเชื่อจะขยายตัวขึ้น หลังไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โตเพียง 3.8%
- "คลัง" เปิดยอดใช้จ่ายมาตรการชิมช้อปใช้ พุ่งแตะ 1.31 หมื่นล้านบาท จากผู้ใช้สิทธิ์ 11.7 ล้านราย สคร.อวดผลงานรัฐวิสาหกิจ ส่งรายได้แผ่นดิน ต.ค.ที่ 6.36 หมื่นล้าน ธปท.เผยสินเชื่อ Q3 โต 3.8%
- กบอ.เคาะแผนพัฒนาด้านสาธารณสุขในพื้นที่อีอีซี เม็ดเงินลงทุน 3.5 หมื่นล้านบาท เข็นสร้างศูนย์กลางการแพทย์จีโนมิกส์ ด้านกูรูฟันธงเขตปลอดอากรอีคอมเมิร์ซ ดันอสังหาฯ อีอีซีบูม
- นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยหลังประชุมอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กบอ.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนการดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 3 เรื่อง ได้แก่ ความก้าวหน้าด้านสาธารณสุขในพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยจะมีการทำศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (เมดิคัลฮับ) ด้านการแพทย์ด้านจีโนมิกส์ (การศึกษาเกี่ยวกับการหาดีเอ็นเอและรหัสพันธุกรรม) เพื่อยกระดับการแพทย์จีโนมิกส์ ทำให้ประชาชนในพื้นที่เข้าถึงการรักษาพยาบาล
*หุ้นเด่นวันนี้
- ERW (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7.20 บาท นอกจากกำไรปกติ Q3/62 จะดูดีที่สุดในกลุ่มแล้ว (+298% Q-Q, +3% Y-Y) โตเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส แนวโน้มจะฟื้นต่อเนื่องและโตเร็วกว่าโรงแรมอื่น การเป็น pure hotel operator มีสัดส่วนรายได้ในไทย 95% และมีพอร์ตโรงแรมตั้งแต่ระดับบน ระดับ Economy midscale รวมถึง Hop Inn จึงได้ประโยชน์มากที่สุดจากการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ นักท่องเที่ยวไทย รวมถึงการโปรโมทการท่องเที่ยวเมืองรองของภาครัฐ โดยคาดกำไรปกติปีนี้ -10% (9M62 -19% Y-Y) ปีหน้า +18% โตสูงสุดในกลุ่ม
- SAWAD (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า Consensus 67 บาท กลุ่มไฟแนนซ์ยังได้ผลบวกจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง (GDP ต่ำ, ค่าเงินบาทยังแข็ง มีลุ้นแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยอีก) นอกจากนี้ SAWAD ยังเป็นอีก 1 หุ้นที่ได้รับเข้าคำนวณในดัชนี MSCI รอบใหม่เริ่มมีผลตั้งแต่ 26 พ.ย.62 คาดหนุนสัดส่วนการลงทุนจากองทุนและนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น
- MINT (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 46 บาท มองดีลซื้อ Bonchon จะเป็นบวกต่อ MINT โดยจะเพิ่มกำไรให้กับ MINT ทันทีเมื่อดีลเสร็จ เบื้องต้นคาดเพิ่ม EBITDA ให้กับธุรกิจอาหารของ MINT ประมาณ 5.8-7.8% และ เพิ่ม EBITDA รวมให้กับ MINT ประมาณ 1-1.3%