Atradius N.V. ซึ่งเป็นผู้ให้บริการประกันภัยสินเชื่อระดับโลก คาดการณ์ว่า มูลค่าการค้าโลกจะหดตัวลง 0.6% ในปีนี้ และน่าจะฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยที่ระดับ 1.5% ในปี 2563 โดยมีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเป็นสาเหตุหลักของการชะลอตัวลงดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ปัญหาที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจกลุ่มตลาดเกิดใหม่รายใหญ่ ๆ ผลกระทบจากความซบเซาในภาคยานยนต์และการผลิตของเยอรมนี รวมถึงความซบเซาของเศรษฐกิจยุโรปอันเป็นผลจากการที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก็มีส่วนในการชะลอตัวลงนี้เช่นกัน
Atradius ระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนส่งผลกระทบโดยตรงต่อการค้าโลกในสัดส่วนเกือบ 4% หรือประมาณ 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญกว่าคือผลกระทบทางอ้อมที่สะเทือนไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่แน่นอนที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการลงทุนทางธุรกิจ ซึ่งฉุดห่วงโซ่มูลค่าและกระแสการค้าลงอีกต่อหนึ่ง
แม้มีความไม่แน่นอนและการหยุดชะงักเกิดขึ้น แต่ผู้บริโภคยังคงใช้จ่ายและการว่างงานยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ นอกจากนี้ การที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และตลาดแรงงานตึงตัว ทำให้การมีส่วนร่วมและค่าจ้างปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคยังคงมีความเชื่อมั่นในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ดี การที่ผู้บริโภคเป็นเสาหลักเดียวในการค้ำจุนเศรษฐกิจนั้นหมายความว่า หากเกิดสภาวะช็อกจนกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคแล้ว สิ่งนี้จะบั่นทอนเสถียรภาพของเศรษฐกิจ และทำให้ต้องพลิกการคาดการณ์การเติบโตในปี 2563
John Lorie หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Atradius N.V. กล่าวว่า "สงครามการค้ากำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าโลก และหากสงครามนี้ครอบคลุมเศรษฐกิจอื่น ๆ ในเอเชียและยุโรปซึ่งมีความเป็นไปได้อยู่มากแล้ว การค้าก็อาจชะลอตัวลงอีก ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากสงครามการค้า ตลอดจนความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและการเมืองอื่น ๆ ทั่วโลก กำลังท้าทายการเติบโตทางเศรษฐกิจจริง ๆ และแม้เรายังไม่เห็นความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจโลกจะถดถอยในขณะนี้ แต่แนวโน้มก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วง โดยมีความเสี่ยงสูงมากที่จะชะลอตัวลงอีก"