MK มั่นใจเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำเป็น 50% ในปี 63 จากปีนี้ 30% ดันผลงานโตหลังปีนี้คาดทรงตัว,ศึกษาตั้ง Wellness Center

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 20, 2019 14:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าสิ้นปี 63 สัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าที่สร้างรายได้ประจำ จะปรับมาอยู่ที่ 50:50 จากปัจจุบันที่ 70:30 โดย บริษัทจะมีรายได้ค่าเช่าเพิ่มเข้ามาจากพื้นที่ของโรงงานให้เช่าและคลังสินค้าให้เช่า ที่บางนา กม.19 ราว 80,000 ตารางเมตร จากปัจจุบันที่มีพื้นที่เช่าอยู่ที่ 150,000 ตารางเมตร ทำให้รายได้จากโครงการดังกล่าวสูงกว่าปัจจุบันที่ 200 ล้านบาท/ปี

ปัจจุบัน พื้นที่ของโรงงานให้เช่าและคลังสินค้าให้เช่า ที่บางนา กม.19 มีอัตราการเช่าแล้ว 95% และในส่วนของพื้นที่เพิ่มเติมอีก 80,000 ตารางเมตร ได้เจรจากับลูกค้าที่สนใจเข้ามาเช่าแล้ว และมีการตกลงการเช่าไปแล้ว 65%

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า คือ โครงการ พาร์ค คอร์ท สุขุมวิท 77 ที่สามารถปล่อยเช่าได้แล้วมากกว่า 75% และมีอัตราค่าเช่าอยู่ที่ 125,000 บาท/ยูนิต/เดือน ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างรายได้เป็นอย่างดี และยังมีรายได้จากสนามกอล์ฟ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ที่มียอดขายต่อหัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,300 บาท/คน จากเดิมที่ 2,000 บาท/คน หลังจากบริษัทปรับปรุงและพัฒนาสนามกอล์ฟใหม่แล้วเสร็จไปก่อนหน้านี้

"ทั้ง 3 โครงการจะเป็นปัจจัยผลักดันหลักให้กับการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำของบริษัทในปี 63 และถือเป็นธุรกิจที่มีกำไรขั้นต้นสูงกว่าธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานในปี 63 เติบโตขึ้นจากปีนี้ ที่ผลการดำเนินงานจะทรงตัวจากปี 61" นายวรสิทธิ์ กล่าว

ด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในปี 63 ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาพรวมของธุรกิจยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และความเข้มงวดของการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ทำให้การขายที่อยู่อาศัยเกิดการชะลอตัว และบริษัทก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ประกอบกับการแข่งขันในโครงการแนวราบมีมากขึ้น เพราะผู้ประกอบการหลายรายเริ่มเข้ามารุกการพัฒนาโครงการแนวราบแทนการพัฒนาคอนโดมิเนียมที่มีซัพพลายในตลาดเป็นจำนวนมาก โดยการเปิดโครงการในปี 63 บริษัทยังคงเปิดโครงการแนวราบทั้งหมด ซึ่งจะมีการเปิดโครงการใหม่อย่างน้อย 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1 หมื่นล้านบาท

สำหรับโครงการใหม่ที่วางแผนจะเปิดในปี 63 นั้นบริษัทได้ซื้อที่ดินไปแล้ว 2 แปลง ย่านกรุงเทพฯตอนเหนือและตะวันตก ซึ่งสามารถพัฒนาโครงการมูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท และบริษัทยังมีที่ดินเปล่าภายในสนามกอล์ฟ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ พื้นที่ 200 ไร่ที่สามารถพัฒนาเป็นโครงการแนวราบได้อีก 4 โครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน เพื่อนำมาทยอยพัฒนา พร้อมมองหาทำเลอื่นๆในโซนกรุงเทพฯตอนเหนือ และกรุงเทพฯตะวันตกที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญในย่านนั้น และจะรักษายอดขายในปี 63 ให้ใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 2.8 พันล้านบาท

บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาลงทุนโครงการสถานพยาบาล สถานฟื้นฟู และเวชศาสตร์ชะลอวัย (Wellness Center) ซึ่งจะใช้อาคารชั้น 1 ในสำนักงานใหญ่ของบริษัท อาคาร 345 สุรวงศ์ ที่ยังมีพื้นที่เหลืออีก 500-800 ตารางเมตร มาลงทุนในโครงการดังกล่าว หากการศึกษาการลงทุนเกิดความคุ้มค่า

แต่อย่างไรก็ตามในปีหน้าคงยังไม่มีธุรกิจใหม่อื่นๆ เกิดขึ้น เพราะบริษัทต้องการที่จะทำให้โครงการที่มีอยู่ในปัจจุบันสร้างรายได้อย่างมั่นคง ทำให้ไม่เร่งรีบการลงทุนในธุรกิจใหม่ พร้อมเป็นการไม่เพิ่มภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น เพราะบริษัทต้องการลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้ลดลงต่ำกว่า 1 เท่า ในปี 63 จากปัจจุบันที่ 1.15 เท่า เพื่อทำให้ภาระหนี้สินลดลง และช่วยลดภาวะดอกเบี้ย สร้างกำไรให้กับบริษัทได้มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ