LANNA คาดปี 51 รายได้-กำไรโตรับผลราคาถ่านหินพุ่ง/เล็งลงทุนเหมืองใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 29, 2008 12:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.ลานนารีซอร์สเซส(LANNA) คาดปี 51 รายได้และกำไรสุทธิเติบโต 10% จากปี 50 รับผลดีราคาถ่านหินเฉลี่ยแนวโน้มเติบโตเท่าตัวหลังราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปริมาณาการผลิตของเหมืองใหม่ในอินโดฯ เริ่มเข้ามาเพิ่มในไตรมาส 3/51 ชดเชยรายได้จากเอทานอลที่ปีนี้อาจจะไม่ดีนัก พร้อมเล็งหาลงทุนเหมืองถ่านหินใหม่แห่งที่ 4 เพิ่มเติมอีก 
"ธุรกิจถ่านหินปีนี้ดีขึ้นแน่ แต่เอทานอลจะ down รายได้ปีนี้น่าจะดีขึ้น ถ้าบาทไม่แข็งมากเราคาดว่ารายได้และกำไรสุทธิโตประมาณอย่างต่ำ 10%...ถ่านหินยังดีอีก 2-3 ปี มันเหมือนน้ำมัน ขึ้นแล้วลงยาก" นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ ผู้อำนวยการด้านพัฒนาธุรกิจและการตลาด LANNA กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ปัจจุบัน รายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจถ่านหิน 75% และอีก 25% จากธุรกิจเอทานอล
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ในปี 50 รายได้รวมสูงกว่าปี 49 ที่มีรายได้รวม 5.5 พันล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิต่ำกว่าปี 49 ที่มีอยู่ 387.94 ล้านบาท เพราะในไตรมาส 4/50 แม้ว่าราคาถ่านหินจะเริ่มสูงแต่กว่าจะส่งมอบสินค้าก็เข้าเดือนกลางธ.ค. ขณะที่ต้นทุนการผลิตได้ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 4 อาจไม่ดี มาร์จิ้นอาจต่ำลง
"ในไตรมาส 4 ยอมรับว่ายังไม่ค่อยดี จึงไม่สามารถทำให้ทั้งปี บริษัทมีกำไรได้ มาร์จิ้นก็จะหายไป เพราะเราได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าไปแล้ว บางล็อดก็อาจจะขาดทุน"นายสีหศักดิ์ กล่าว
งวดปี 50 LANNA มีรายได้รวม 6,038.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ร้อยละ 9.90 และมีกำไรสุทธิ 372.77 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.91
*ราคาถ่านหินเฉลี่ยพุ่งเท่าตัว-ปริมาณเพิ่มจากเหมืองใหม่
LANNA คาดว่าในปีนี้ราคาขายถ่านหินมีนแนวโน้มเติบโตเท่าตัวมาที่ราคาเฉลี่ย 60 เหรียญ/ตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 30 เหรียญ/ตัน และปริมาณจำหน่ายถ่านหินในปีนี้ที่ 3.2 ล้านตัน เพิ่มจากปีก่อนที่มี 2.9 ล้านตัน จากเหมืองใหม่ในอินโดนีเซียที่จะเริ่มผลิตในไตรมาส 3/51 ราว 5 แสนตันต่อปี และปลายปี 52 จะผลิตเต็มกำลังที่ 3 ล้านตันต่อปี
ในปีนี้บริษัทได้ทำสัญญาขายถ่านหินล่วงหน้าไปแล้ว 85% ส่วนที่เหลือ 15% บริษัทดึงไว้ขายในราคา spot ซึ่งเป็นส่วนที่จะมี upside เพราะแนวโน้มราคาถ่านหินจะยังปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีนี้ หลังผู้ใช้หันมาเปลี่ยนมาใช้ถ่านหินแทนน้ำมันเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะขณะนี้ที่อินโดนีเซียมีฝนตกนอกฤดูกาลก็เกรงว่าอาจมีปัญหาเรื่องการส่งมอบ
"ธุรกิจถ่านหินยังดีมาก ราคาถ่านหินในปัจจุบัน(ราคา spot) ขึ้นจากปีก่อน ประมาณ 50% เป็น 120 เหรียญ/ตัน แต่ราคาถ่านหินที่เราขายจะไม่พุ่งปรู๊ดปร๊าด จะค่อยทยอยปรับขึ้น เรายังมีสต็อกเก่าเหลืออยู่ ปัจจุบันเรายังต้องขายถ่านหินในราคา 40-50 เหรียญ/ตันที่เราทำสัญญ่าล่วงหน้าไว้ ไปจนถึงราคา 80-90 เหรียญ/ตันแล้ว"นายสีหศักดิ์ กล่าว
นอกจากนั้น ในช่วงไตรมาส 3/51 คาดว่าปริมาณถ่านหินจากเหมืองใหม่ในอินโดนีเซียจะเพิ่มเข้ามา โดยปีแรกน่าจะมี 5 แสนตัน ทำให้ปริมาณรวมในปีนี้มีปริมาณผลิตและขายประมาณ 2.9 ล้านตันรวมแล้วเป็น 3.2 ล้านตัน โดยส่วนใหญ่ก็เป็นลูกค้าจากในประเทศ
สำหรับธุรกิจเอทานอลที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ บริษัท ไทยอะโกร เอ็นเนอร์ยี่ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ LANNA (ถือหุ้น 75.75%) ในปีนี้รายได้ไม่ดีนัก เพราะราคาขายในประเทศ ภาครัฐใช้ราคาอ้างอิงจากประเทศบราซิล ซึ่งมีราคาประมาณ 15-16 บาท ต่ำกว่าแต่เดิมที่ใช้ราคาในประเทศที่เป็นไปตามความต้องการ ซึ่งบริษัทคาดว่าราคาขณะนี้น่าจะอยู่ที่ 25 บาท/ลิตร ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ที่ผู้ประกอบการนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตแก๊สโซฮอลล์ ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมจะส่งออกแต่ก็ติดปัญหาใบอนุญาตส่งออกที่ติดขั้นตอนราชการ จึงยังไม่สามารถดำเนินการได้
ในงวด 9 เดือน LANNA มีกำไรสุทธิ 340.6 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนในงวดเดียวกันที่มีกำไรสุทธิ 353.4 ล้านบาท
*เล็งลงทุนเหมืองใหม่ในอินโดฯ
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทมีโอกาสหาแหล่งเหมืองใหม่มากขึ้นในอินโดนีเซีย หากกฎหมายเกี่ยวกับแร่รวมถ่านหินของอินโดนีเซียประกาศใช้ เพราะกฎหมายฉบับนี้จะเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้าไปถือสิทธิในเหมืองแร่รวมถ่านหินด้วย จากแต่เดิมให้สิทธิกับคนในพื้นที่เท่านั้น ขณะนี้กฎหมายฉบับดังกล่าวจะเข้าสภาครั้งสุดท้ายและคาดว่าจะประกาศใช้ในเดือนพ.ค.นี้
อย่างไรก็ดี บริษัทจะลงทุนเหมืองใหม่ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากเพื่อรองรับความต้องการในอนาคต
"เรากำลังรอกฎหมายแร่ ที่ทางการอินโด จะอนุญาตให้ต่างชาติเข้าไปถือสิทธิ์ได้ในเหมืองแร่รวมถ่านหินด้วย ก็ดูแล้วเหมือนเขาจะเปิดมากขึ้น ในแหล่งที่เคยเก็บไว้ให้บริษัทอินโดเท่านั้น แต่ตอนนี้จะเปิดให้ต่างชาติมากขึ้น"นายสีหศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังหาแหล่งเหมืองใหม่ยาก เพราะราคาแพงมาก โดยล่าสุดบริษัทได้เข้าลงทุนเหมืองใหม่ซึ่งเป็นแหล่งที่ 3 ของบริษัท โดยมีกำลังการผลิต 3 ล้านตัน/ปี เริ่มดำเนินการครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งปีแรกจะผลิต 5 แสนตัน และจะเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตปลายปี 52

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ