GLOW ลงทุนสูงสุด 450 ล้านดอลล์เพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า-ไอน้ำ หลังจ่อได้ลูกค้ารายใหญ่

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 29, 2008 12:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) เตรียมลงทุนสูงสุดประมาณ 450 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มเติมสำหรับโรงผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกันถึง 380 เมกะวัตต์ เนื่องจากภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้บริษัทมีแผนที่จะทำสัญญากับลูกค้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง ประมาณ 250 - 350 เมกะวัตต์เทียบเท่า 
นอกจากนี้บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) อีกจำนวน 74 เมกะวัตต์จาก กฟผ. โดยคาดว่าจะมีการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2551 และเริ่มเปิดดำเนินการปลายปี 2554
แหล่งเงินทุนสำหรับโครงการดังกล่าวจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินการของกลุ่มบริษัทและจากการกู้เงินโดยโกลว์ พลังงาน ซึ่งปัจจุบันมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนค่อนข้างต่ำ ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 โกลว์ พลังงาน มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนเพียง 0.5 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่กำหนดไว้ที่ประมาณ 1.0 เท่า อยู่ค่อนข้างมาก
อนึ่ง เมื่อเดือนธันวาคม 2550 บริษัท เก็คโค่-วัน จำกัด ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน กำลังการผลิต 660 เมกะวัตต์ (สุทธิ) ภายใต้โครงการประมูลโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) รอบใหม่ บริษัทดังกล่าวมีกลุ่มบริษัทโกลว์เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 65 และ บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) เป็นถือหุ้นร้อยละ 35 โดยมีมูลค่าก่อสร้างโครงการทั้งสิ้นประมาณ 1,150 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ภายในกลางปีนี้ และจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในปลายปี 2554
โครงการดังกล่าวจะต้องทำสัญญาด้านการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมและคาดว่าจะต้องสมทบทุนในกองทุนราว 100 ล้านบาทต่อปี โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อเพิ่มพูนระดับการพัฒนาของชุมชนท้องถิ่น อันได้แก่ การพัฒนาการศึกษา สุขอนามัย การพัฒนาอาชีพ การปรับปรุงคุณภาพชีวิต และการพัฒนาสังคมสำหรับชุมชนโดยรอบนิคมฯ
โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน IPP ใหม่นี้จะลดระดับการพึ่งพาพลังงานก๊าซธรรมชาติของประเทศลง และจะขายไฟฟ้าในราคาที่ต่ำตามที่ได้เสนอไปในการแข่งขันประมูลโรงไฟฟ้า
หลังจากที่โครงการขยายโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) และโครงการขยายโรงผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน (Cogeneration) เริ่มเปิดดำเนินการแล้วประมาณกลางปี 2554 ทางบริษัทคาดว่าการขยายตัวดังกล่าวจะทำให้กำลังการผลิตของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 50 จากกำลังการผลิตที่มีอยู่ในปัจจุบัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ