ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,597.72 จุด เพิ่มขึ้น 5.86 จุด (+0.37%) มูลค่าการซื้อขาย 42,224.48 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,599.49 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,591.18 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 788 หลักทรัพย์ ลดลง 736 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 502 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์ขึ้นใกล้เคียงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่บวกเฉลี่ย 0.5% เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้เคลื่อนไหวในแดนบวก ตอบรับการผ่อนคลายประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากรองนายกรัฐมนตรีจีนเชิญรมว.คลังสหรัฐ และผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เจรจารอบใหม่ที่กรุงปักกิ่ง แต่ยังไม่กำหนดวันแน่นอน ทำให้ตลาดฯผ่อนคลายในระยะสั้น
นอกจากนี้ ตลาดฯยังมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น, ราคาทองคำแผ่ว ด้วยปัจจัยหลายส่วนทำให้ตลาดฯผ่อนคลาย แต่ตลาดฯก็ยังไม่เชื่อมั่นเจรจาการค้าหากยังไม่มีการลงนามข้อตกลงกันจริง
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ จากความคาดหวังเจรจาการค้าของสหรัฐและจีน ซึ่งเพียงแค่มีสัญญาณที่ดีออกมาก็ทำให้ตลาดฯบวกได้ พร้อมให้แนวรับที่ไม่ควรหลุด 1,580 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,620 จุด
สัปดาห์หน้าให้ติดตามการปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ซึ่งก็มีหุ้นไทยหลายตัวเข้าไปอยู่ในการคำนวนของ MSCI ด้วย นอกจากนี้ต้องติดตามการประชุมของกลุ่มโอเปกในวันที่ 5-6 ธ.ค.นี้ เก็งกันว่าอาจจะมีการขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตออกไป จากสิ้นสุดมี.ค.63 เป็นเวลา 3 เดือน หากเป็นจริงก็อาจจะหนุนราคาน้ำมันได้
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,040.07 ล้านบาท ปิดที่ 220.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,667.45 ล้านบาท ปิดที่ 153.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,603.20 ล้านบาท ปิดที่ 75.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,497.17 ล้านบาท ปิดที่ 24.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,338.82 ล้านบาท ปิดที่ 118.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท