นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล (JCK) เปิดเผยว่า การที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ขยายพื้นที่อุตสาหกรรมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) จาก 45,000 ไร่ เป็น 70,000 ไร่ นั้น ส่งผลให้จำนวนที่ดินรอการพัฒนา (Landbank) ของบริษัทฯ ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ขยับเพิ่ม จาก 2,000 ไร่ เป็น 5,000 ไร่ และจะเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนการเติบโตของบริษัทอย่างมากในปี 63
ขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณของทุนต่างชาติไหลเข้าลงทุนในประเทศไทย อาทิเช่น ประเทศญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน ภายหลังสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกายังยืดเยื้อ ขณะที่ฮ่องกงประสบกับปัญหาความวุ่นวายภายใน
"บริษัทฯได้รับผลบวก 2 ทาง จากพื้นที่รอการพัฒนาหรือ Landbankในมือของบริษัทฯขยับเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับปัญหาความวุ่นวายในฮ่องกง และสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกายังไม่มีข้อยุติ ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศแสดงความสนใจต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน
ดังนั้น บริษัทจึงมีความมั่นใจว่าในปี 63 จะมียอดขายที่ดินราว 850 ไร่ สามารถปิดการขายนิคมอุตสาหกรรม TFD เฟส 2 ได้ และเริ่มนิคมอุตสาหกรรม TFD เฟส 3 ได้ทันที โดยยอดขายดังกล่าวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจากปี 62 นี้ ที่คาดว่าจะมียอดขายที่ดินราว 50-100 ไร่
นายอภิชัย กล่าวว่า รัฐบาลควรใช้จังหวะที่สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐยังไร้ทางออก การประท้วงในฮ่องกงยังไม่มีทีท่าจะมีข้อยุติ ให้เร่งออกมาตรการจูงใจเพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างชาติที่คาดว่าจะไหลออกจากประเทศที่มีปัญหา ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยให้ได้มากที่สุด เพราะหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยกัน ไทยยังเป็นประเทศที่มีเสน่ห์น่าลงทุนมากที่สุด จากการที่มีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภค