หุ้น TU ราคาขยับขึ้น 6.20% มาอยู่ที่ 13.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 174.35 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.43 น. โดยเปิดตลาดที่ 13.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 13.70 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 13.10 บาท
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะแค่"ถือ"หุ้น บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) โดยมีมุมมองเป็นกลางจากข่าวการล้มละลายของ Bumble Bee ซึ่งสะท้อนการแข่งขันสูงในธุรกิจทูน่ากระป๋อง รวมถึงความกังวลด้านคดีความต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการประสบ โดยคาดว่า TU จะไม่ได้ประโยชน์มากนักจากการที่คู่แข่งอย่าง Bumble Bee เข้าสู่การล้มละลาย เนื่องจากคาดว่า Bumble Bee จะไม่ได้หยุดดำเนินการ เพราะในขณะนี้บริษัท FCF Fishery Co.,Ltd. จากไต้หวันได้แสดงตัวที่จะเข้ามาซื้อกิจการ และการดำเนินงานของ Bumble Bee ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งทำให้การแข่งขันในธุรกิจทูน่ากระป๋องยังสูงต่อไป
ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง Starkist และ Bumble Bee โดนปรับจากคดี price-fixing ยังคงสร้างความกังวลมาถึง TU แม้ว่า TU จะแจ้งว่าบริษัทถูกกันไว้เป็นพยานภายใต้เงื่อนไข Conditional Leniency ทั้งนี้ ยังไม่สามารถสรุปผลกระทบจากคดีความทั้งหมดในขณะนี้
ทั้งนี้ ได้ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 12.50 บาท อิง 2562E PER ที่ 16x (-0.5SD below 5-yr average PER) ปรับลดลงจากเดิมที่ 15.20 บาท เนื่องจากปรับเป้า PER ลดลงจากเดิมซึ่งอิงที่ค่า PER เฉลี่ย 19.5x เพราะธุรกิจทูน่ามีการแข่งขันที่สูงและการบริโภคต่อหัวลดลงประมาณ 40% ในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีสินค้าอื่น ๆ มาทดแทน ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงคือการตั้งสำรองค่าชดเชยคดีความที่อาจจะมีเพิ่มขึ้นได้
โดยยังคงประเมินกำไรสุทธิปี 62 อยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท (+14% YoY) โดยบริษัทผ่านพ้นช่วงไตรมาส 3/62 ซึ่งเป็น High season ที่ผู้บริโภคในยุโรปนิยมทานอาหารนอกบ้าน ขณะที่ Q4/62 จะอ่อนลงตามฤดูกาล ราคาทูน่าลงไปต่ำมากที่ 900 เหรียญสหรัฐต่อตันในเดือน ต.ค.อาจจะทำให้ลูกค้าต่อรองราคาขายมากขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลง 15% ใน 1 เดือนที่ผ่านมาจากความกังวลเรื่องข้อพิพาทต่างๆ TU ยังอยู่ภายใต้ความกังวลที่อาจจะต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้น