บมจ.บ้านปู (BANPU) คาดว่าในปี 51 รายได้รวมของบริษัทจะเติบโตขึ้นราว 25% จาก 3.24 หมื่นล้านบาทในปี 50 ตามแนวโน้มราคาถ่านหินเฉลี่ยในปีนี้ที่สูงขึ้น จากปีก่อนอยู่ในระดับ 41.06 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ตั้งเป้าหมายปริมาณการผลิตถ่านหินในไว้ที่ 20 ล้านตัน ส่วนใหญ่เป็นผลผลิตถ่านหินจากอินโดนีเซียที่จะทดแทนการลดลงของเหมืองถ่านหินในไทยที่กำลังจะปิดตัวลงในปีนี้
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU คาดว่า ราคาขายเฉลี่ยถ่านหินในปีนี้มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐ/ตัน
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทฯ ในปีนี้จะยังคงเน้นขยายการลงทุนในธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้าในอินโดนีเซียและจีนเป็นส่วนใหญ่ โดยตั้งเป้าหมายให้ขนาดธุรกิจในจีนมีสัดส่วนใกล้เคียงกับไทยและอินโดนีเซียภายในสิ้นปีนี้
"ในปีที่ผ่านมาบริษัทสร้างมูลค่าเพิ่มของสินทรัพย์ที่มีอยู่ และแสวงหาการลงทุนใหม่ๆ บริษัท ยังขยายธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้า ในเชิงรุกมากขึ้น โดยมีเป้าหมายให้ขนาดธุรกิจในจีนมีสัดส่วนที่ไล่เลี่ยกับไทยและอินโดนีเซียในสิ้นปีนี้"นายชนินทร์ กล่าว
ส่วนในอินโดนีเซีย บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ได้แก่ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งมีพลังการผลิตรวม 14 เมกะวัตต์ สำหรับใช้ในการดำเนินงานของท่าเรือบอนตัง และบางส่วนจะนำไปทำเหมือง เพื่อทดแทนต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของเหมือนอินโดนีเซียมินโค ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในครึ่งหลังของปีนี้
ทั้งนี้ คาดว่าท่าเรือบอนตังจะสามารถรองรับการขนถ่ายถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็น 18.5 ล้านตัน จาก 12.5 ล้านตัน
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--