นางวนิดา บุญภิรักษ์ รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่การเงินและบัญชีองค์กร บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการปี 63 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังรับรู้ผลประกอบการของ บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) เข้ามาเต็มปี และการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี กำลังการผลิต 1,280 เมกะวัตต์, โครงการศูนย์ผลิตสาธารณูปการ จังหวัดระยองแห่งที่ 4 (CUP-4) กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม กำลังการผลิต 8.63 เมกะวัตต์ ที่จะเข้ามาเต็มปีในปีหน้าเช่นกัน
ทั้งนี้ ปีหน้าบริษัทยังมีกำหนด COD โครงการผลิตไฟฟ้านวนครส่วนขยาย (NNEG Expansion) กำลังการผลิต 18 เมกะวัตต์ และเดินหน้าก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้า Rayong Waste to Energy (WTE) กำลังการผลิตราว 10 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ได้ในปี 64 อีกทั้งบริษัทยังสนใจจะทำโรงไฟฟ้าขยะชุมชน และมองโอกาสเข้าไปลงทุนพลังงานทุกรูปแบบใน CLMV ภายใต้นโยบายที่จะต้องมีผลตอบแทนการลงทุน (EIRR) ไม่ต่ำกว่า 8%
ส่วนความคืบหน้าโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ หรือ Gas to Power กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเมียนมา ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากทางภาครัฐ คาดหวังให้เกิความชัดเจนโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปการตั้งโรงงานการกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) ที่ช่วยให้มีประสิทธิภาพที่จะแข่งขันได้ในธุรกิจแบตเตอรี่และเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงาน (ESS) ในระยะยาว รวมถึงหาพันธมิตรต่างประเทศที่จะเข้ามาร่วมทุนได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งการเดินหน้าทำ Energy Storage เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทฯ
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้คาดจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน จากภาระดอกเบี้ยจ่ายที่อยู่ในระดับสูง หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท อีกทั้งในช่วงไตรมาส 4/62 ก็คาดว่าผลประกอบการจะใกล้เคียงไตรมาส 3/62 เนื่องจากเป็นช่วง Low season ของธุรกิจ และมีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าจากทั้งของ GLOW และ GPSC
อย่างไรก็ตาม การออกหุ้นกู้วงเงิน 35,000 ล้านบาท อายุหุ้นกู้เฉลี่ย 9.6 ปี ในช่วงที่ผ่านมา จะส่งผลทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลงเหลือ 2.9% และส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายในปี 63 ลดลงเหลือเพียง 2,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่ 3,000 ล้านบาท