นายบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สหไทย เทอร์มินอล (PORT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตได้เพียง 5% ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 61 ที่ทำได้ 1.58 พันล้านบาท เนื่องจากธุรกิจนำเข้าและส่งออกชะลอตัวลง หลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการจัดทำแผนธุรกิจปี 63 คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงปลายเดือน ม.ค.63 เนื่องจากจะรอดูตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) รวมถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะนำมาพิจารณาวางเป้าหมายธุรกิจในปี 63
ส่วนความคืบหน้าโครงการขยายธุรกิจท่าเรือพาณิชย์แห่งที่ 3 ผ่านการลงทุนใน บริษัท บางกอก ริเวอร์ เทอร์มินอล จำกัด (BRT) ที่ร่วมกับพันธมิตร โดยใช้เงินลงทุนในโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 64 ซึ่งบริษัทถือหุ้นในโครงการดังกล่าวประมาณ 30% คิดเป็นเงินลงทุนจำนวน 100 ล้านบาท
ขณะที่โครงการขยายศูนย์กระจายสินค้า โลจิสติกส์แบบครบวงจร ซึ่งลงทุนใน บริษัท บางกอก โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (BLP) นั้นจะเปิดให้บริการในปลายปี 63 โดยจะช่วยให้ปริมาณการขนถ่ายสินค้าผ่านท่าเรือเติบโตขึ้น
นายบัญชัย กล่าวอีกว่า หลังจากที่หุ้นของบริษัทได้ย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันนี้ (26 พ.ย.) เป็นวันแรก ก็จะเดินสายนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อต้องการให้มีนักลงทุนสถาบันเข้ามาถือหุ้นของบริษัท
"ปี 63 คาดการณ์ว่าภาวะการนำเข้าส่งออก อาจจะยังเป็นปัจจัยที่ท้าทายสำหรับฝ่ายบริหาร แต่อย่างไรก็ตามก็ได้มีการจัดการภายในเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและคล่องตัว ทำให้มั่นใจว่ามีความพร้อมในการแข่งขัน ส่วนราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากเราไม่ได้แปลกใจ อาจจะมีการย้ายการลงทุนไปตัวอื่นบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม 20 อันดับแรกที่เป็นผู้ถือหุ้นหลักยังคงไม่มีการขายออกแต่อย่างใด"นายบัญชัย กล่าว
ด้านนางเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ PORT กล่าวว่า การย้ายหุ้นของบริษัทเข้าจดทะเบียนใน SET จะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง และลดข้อจำกัดในการเข้าลงทุนของนักลงทุนสถาบันทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้ง จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้กับบริษัทและหุ้นของบริษัทมากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นทุกราย
"PORT นับเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นบริษัทเดียวในตลาดหลักทรัพย์ฯที่ให้บริการท่าเรือเชิงพาณิชย์แบบครบวงจร โดยบริษัทได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา เราได้พัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่องจนเป็นผู้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากสายเรือชั้นนำหลายสายที่เข้ามาเป็นทั้งลูกค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจ" นางเสาวคุณ กล่าว