นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลนการดำเนินงานในไตรมาส 4/62 คาดว่าจะสูงที่สุดของปีนี้ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในเทศกาลของการจับจ่ายใช้สอยที่จะมีผู้เข้ามาใช้บริการศูนย์การค้ามากขึ้น ประกอบกับ ในปีนี้บริษัทจะรับรู้กำไรพิเศษจากจากการขายหุ้น บริษัท เซ็นทรัล วิลเลจ จำกัด ให้กับพันธมิตรญี่ปุ่นคือ บมจ.มิตซูบิชิ เอสเตท ที่จะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 30% มูลค่าการขายหุ้นกว่าพันล้านบาท
การที่บริษัทได้พันธมิตรจากญี่ปุ่นเข้ามาร่วมทุนในเซ็นทรัล วิลเลจ จะช่วยยกระดับการเป็น Luxury Outlet ไปสู่ความสำเร็จในขั้นต่อไป และสร้างประสบการณ์เทียบชั้นเอ้าท์เล็ทระดับโลกอย่างเอ้าท์เล็ทยอดนิยมในประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นโอกาสสำคัญทางธุรกิจของ CPN สะท้อนนโยบายของบริษัทในการแสวงหาพันธมิตรบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และสิ่งที่ดีที่สุด ตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน
สำหรับความสำเร็จของเซ็นทรัล วิลเลจ เฟสแรก มีร้าน Luxury Brand Outlet มาเปิดให้บริการครบเกือบ 100% แล้ว รวมไปถึงยอดขาย และยอดผู้เข้ามาใช้บริการเป็นไปตามเป้าหมาย หลังเปิดให้บริการมาได้ 2 เดือน ตั้งแต่เดือน ส.ค.62 โดยได้มีการกระตุ้นการจับจ่ายต่อเนื่องด้วยการเพิ่มส่วนลด on-top ให้กับสินค้าแบรนด์เนมจากที่ลดปกติทุกวัน 35-70% ตลอดทั้งปี และมีความร่วมมือกับพันธมิตรญี่ปุ่นเพื่อสนับสนุนให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นราว 20% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในเซ็นทรัล วิลเลจ เป็นชาวไทย 65% และนักท่องเที่ยว 35%
นายปรีชา กล่าวถึงแผนการลงทุนของ CPN ใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 63-67) บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 1-2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเน้นการซื้อกิจการ (M&A) มากขึ้น เพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ทันที โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งค้าปลีกและพัฒนาที่อยู่อาศัย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่จะเน้นในประเทศเป็นหลัก เพื่อต่อยอดการเติบโตของบริษัทในอนาคต โดยในเร็ว ๆ นี้น่าจะมีดีลที่มีควาชัดเจน 2-3 ดีล
ส่วนการลงทุนในต่างประเทศหลังจากที่มีการเปิดศูนย์การค้าในมาเลเซีย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าในประเทศเวียดนามต่อไปอีก 1 แห่ง