นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี 63 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% นับเป็นการปรับตัวดีกว่าระดับปกติที่จะเติบโตเฉลี่ย 6-8% ต่อปี เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้เพิ่มของโรงงานในประเทศเวียดนาม ที่ปัจจุบันได้รับใบอนุญาตการผลิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการติดตั้งเครื่องจักรเท่านั้น โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มผลิตได้ช่วงไตรมาส 1/63
ส่วนโรงงานในประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบันมีการติดตั้งเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงใบอนุญาตการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์อีก 1 ใบที่คาดว่าจะได้รับไม่เกินเดือน ก.พ. 63 หลังจากนั้นบริษัทจะดำเนินการผลิตทันที โดยในปีแรกทั้งสองโรงงานจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในอัตราประมาณ 60-65% ของกำลังการผลิตทั้งหมด
"ปัจจุบันเราส่งสินค้าไปยังเวียดนามและอินโดนีเซียประมาณ 20-30 ตู้ต่อเดือน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งอยู่ที่ 80,000 - 100,000 บาทต่อตู้ การที่เราไปตั้งโรงงานที่นั่นจะช่วยลดค่าขนส่งและขยายการเติบโตได้เร็วขึ้น ซึ่งในปีนี้เราคาดว่าจะมียอดขายจากเวียดนามและอินโดนีเซีย ที่ราว 100 ล้านบาท ต่อประเทศ" นายสุรนาถ กล่าว
นายสุรนาถ กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับปี 63 ที่ราว 120-145 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนสำหรับเครื่องจักรใหม่ และลงทุนระบบออโตเมชั่น สำหรับโรงงานในประเทศ ด้วยงบลงทุนราว 100-120 ล้านบาท การลงทุนห้องวิจัยและพัฒนา รองรับบริษัทตัวแทนจำหน่ายในประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าไปยังประเทศอินโดนีเซียและประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งคาดว่าใช้งงบลงทุนประมาณ 20-25 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทจะผลักดันสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเอง ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง เพื่อให้เข้าจำหน่ายในร้านค้ารายย่อยให้มากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีสินค้าภายใต้แบรนด์ตัวเอง จำนวน 6 แบรนด์ ได้แก่ เบสท์ โอเดอร์ , อังเคิลบาร์นส์, ก๊อบจัง , Super-Find , Haeyo และ Angelo แต่สัดส่วนรายได้จากสินค้าในกลุ่มดังกล่าวยังคงมีสัดส่วนที่น้อย
"ปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในปี 63 ยังคงเป็นเรื่องปัญหาสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน รวมถึงค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าอยู่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการนำเข้าของบริษัท" นายสุรนาถ กล่าว