หุ้น CPF ราคาวิ่งขึ้น 4.76% มาอยู่ที่ 27.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 589.72 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.14 น. โดยเปิดตลาดที่ 27 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 27.75 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 26.75 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) มีมุมมองเป็นบวกมากต่อผลประกอบการปี 2563 ของ CPF เนื่องจากทุกธุรกิจหลักเป็นขาขึ้นพร้อมกัน ขณะที่ต้นทุนการผลิตทรงตัวถึงปรับตัวลง ถือว่าเป็นปีทองของ CPF ที่มักไม่เห็นปรากฏการณ์เช่นนี้บ่อยนัก
แต่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนปัจจัยบวกอะไรเลย เป็นโอกาสสะสม ค่าเงินบาทที่แข็งค่าแม้แข็งค่าไปอีก 10% ก็ไม่กระทบประมาณการเพราะราคาขายที่เพิ่มขึ้นนั้นมากกว่า 10% และมากกว่าประมาณการอยู่มาก
ทั้งนี้ คาดราคาหมูเวียดนามอาจขึ้นไปแตะระดับ 100,000 ดอง/กก. ในไตรมาส 1/63 สูงกว่าต้นทุนถึงเกือบ 3 เท่าตัว จากภาวะขาดแคลนคล้ายจีน ส่วนราคาหมูในไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง อาจเห็นที่ระดับ 70-75 บาท/กก.ได้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 2/63 เป็นอย่างช้า ด้านการส่งออกไก่ยังเป็นบวก พร้อมราคาไก่ที่นิ่งมานานเริ่มเห็นการปรับขึ้นในสัปดาห์นี้
จากผลของการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (ASF) ในเวียดนามทั่วทุกพื้นที่ ทำให้มีการกำจัดหมูไปแล้วไม่น้อยกว่า 15-20% ของจำนวนหมูทั้งประเทศ ทำให้เกิดการขาดแคลนคล้ายที่เกิดขึ้นในจีน และหมูเป็นเนื้อสัตว์ที่คนเวียดนามบริโภคในสัดส่วนราว 70% ของปริมาณเนื้อที่บริโภคทั้งหมด ประกอบกับผู้เลี้ยงรายย่อยไม่กล้ากลับมาเลี้ยงหมูเพราะ ASF ไม่มีวัคซีนรักษา ทำให้ราคาไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็วและทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงต้นเดือน พ.ย. และยังไต่ระดับต่อเนื่อง โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ราว 68,000-75,000 ดอง/กก. และอาจถึง 80,000 ดอง/กก. ในบางพื้นที่ และมีโอกาสเห็นไต่ระดับขึ้นไปแตะที่ 100,000 ดอง/กก. ได้ภายในไตรมาส 1/63 เทียบกับจุดคุ้มทุนของ CPF ที่ประมาณ 36,000 ดอง/กก.
ขณะที่เวียดนามคือฐานการผลิตหมูที่ใหญ่ที่สุดของ CPF สัดส่วนรายได้จากหมูเวียดนามราว 10% ของรายได้ทั้งหมด นอกจากนี้ธุรกิจกุ้งก็เป็นขาขึ้นเพราะรัฐบาลเวียดนามหนุนให้ประเทศเป็นผู้ส่งออกกุ้งอันดับ 1 ของโลกภายใน 5 ปี CPF เห็นโอกาส และร่วมมือกับรัฐบาลในการพัฒนาพันธุ์กุ้ง ซึ่ง CPF จะเน้นธุรกิจต้นน้ำจากการจำหน่ายพันธุ์และอาหารกุ้ง
สำหรับราคาหมูในไทยอาจจะขยับขึ้นไป เนื่องจากความกังวล ASF ระบาดเข้าไทยในช่วงไตรมาส 3/62 กดดันเกษตรกรนำหมูออกมาจำหน่ายก่อนวัยอันควร เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาด ทำให้ปริมาณหมูในระบบหายไปไม่น้อยกว่า 3-5% ,เกษตรกรชะลอการเลี้ยงรอบใหม่เพื่อรอดูสถานการณ์ คาดว่าราคาที่เริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4/62 อาจทำให้บางรายเริ่มกลับมาเลี้ยงแต่กว่าผลผลิตจะออกก็ไตรมาส 4/63 และไม่มากเท่าเดิม นอกจากนี้เริ่มมีการขนย้ายหมูข้ามชายแดนกัมพูชาเพื่อไปขายในเวียดนามที่มีราคาสูง ยิ่งทำให้ปริมาณหมูในประเทศหายไป เชื่อว่าจะเห็นราคาหมูเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากนี้และอาจกลับไปที่ 75 บาท/กก. ได้ภายในไตรมาส 2/63 เป็นอย่างช้า ขณะที่จุดคุ้มทุนของ CPF อยู่ที่ราว 54-55 บาท/กก. ปัจจุบันอยู่ที่ 61 บาท/กก.
ส่วนราคาไก่ในไทยอาจจะขยับขึ้น เนื่องจากการส่งออกไก่ไปจีนยังสูง โดยเฉพาะชิ้นส่วนเครื่องใน และเท้าไก่ ทำให้ราคาในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ระยะถัดไปราคาที่สูงขึ้นจะทำให้คนจีนหันมาบริโภคเนื้อส่วนอื่นมากขึ้น เนื่องจากมีราคาต่ำกว่า หนุนราคาในประเทศที่นิ่งโซนต่ำมานานเพิ่มขึ้นได้ คาดเห็นผลชัดเจนในไตรมาส 2/63 เช่นกัน และราคาหมูในประเทศที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าราคาไก่ทำให้การบริโภคไก่เพื่อเป็นสินค้าทดแทนเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะหนุนราคาไก่เพิ่มขึ้น ขณะที่จุดคุ้มทุนของ CPF อยู่ที่ราว 35 บาท/กก. แต่ราคาไก่ปัจจุบันอยู่ที่ 38 บาท/กก. เริ่มปรับเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ครั้งแรกนับตั้งแต่ 15 ก.ค. 2562
นอกเหนือจากราคาขายที่ดีแล้วราคาต้นทุนยังทรงตัวถึงปรับตัวลงโดยเฉพาะกากถั่วเหลือง แม้ว่าสงครามการค้าจะคลี่คลายราคาถั่วเหลืองอาจเพิ่มขึ้น แต่ราคากากถั่วเหลืองจะทรงตัวในระดับต่ำเพราะ Demand ลดลงจากการระบาดของ ASF ทั่วเอเชีย มีประเด็นกดดันเพียงประเด็นเดียวคือค่าเงินบาทแข็งค่า แต่สมมิตฐานใช้ที่ 30 บาท/US$ ช่วยจำกัด Downside risk ที่ราคาปิดวานนี้คิดเป็น PER2563 เพียง 16.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 18-19 เท่า และปรับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2563 ได้เป้าหมายใหม่ที่ 39.00 บาท