นายสมชาย วรุณพันธุลักษณ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป (PLAT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อเดือน พ.ย. อนุมัติการต่อสัญญาเช่าที่ดินเนื้อที่ 10 ไร่ 2 งาน 70.05 ตารางวา ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรี ระหว่างซอยเพชรบุรี 23-31 มีวัตถุประสงค์ที่จะนำที่ดินดังกล่าวมาพัฒนาโครงการตลาดนัดกลางคืน ระยะเวลาให้เช่า 3 ปี โดยบริษัทชำระค่าเช่าที่ดินเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 61.24 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญาเช่า ซึ่งบริษัทจะได้รับประโยชน์จากรายได้ค่าเช่าและค่าบริการที่เพิ่มขึ้นจากโครงการดังกล่าว
สำหรับผลงานของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 536 ล้านบาท ลดลง 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มาจากธุรกิจให้เช่าและบริการ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท โดยกำไรขั้นต้นจากธุรกิจหลัก 9 เดือนของปี 62 รวม 920 ล้านบาท ลดลง 5%
ปัจจัยหลักที่ผลักดันรายได้ให้เติบโตในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แบ่งตามประเภทรายได้ ดังนี้ รายได้จากการให้เช่าและบริการ รวม 1,257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเปิดโครงการใหม่ โครงการเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก เมื่อวันที่ 14 ก.พ.62 และโครงการ เดอะ นีออน ไนท์ บาซาร์ เฟส 2 ในเดือนธ.ค.61 นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถเพิ่มรายได้จากการบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ให้สูงขึ้น ขณะที่ได้ลงนามในสัญญาให้เช่าพื้นที่กับ PPI (Thailand) Co.,LTD . เมื่อวันที่ 30 ส.ค.62 จำนวนพื้นที่ 3,983 ตารางเมตร เพื่อเปิด Don Don Donki ห้างสรรพสินค้าราคาประหยัดอันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่น ในโครงการ เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายไตรมาส 1/63
รายได้จากการประกอบกิจการโรงแรม รวม 329 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงขึ้น โดยโรงแรม โนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 94% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรา 91% เนื่องจากมีความต้องการจองห้องพักจำนวนมาก และรายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่ม ภายในโครงการ เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ รวม 185 ล้านบาท ลดลง 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากทัวร์นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาไทยมีจำนวนลดลง จึงส่งผลให้กลุ่มทัวร์ชาวจีนที่ใช้บริการในศูนย์อาหารลดลง
อย่างไรก็ตาม ในงวด 9 เดือน บริษัทมีรายได้อื่น ๆ 88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35 ล้านบาท หรือ 66% ส่วนใหญ่เป็นดอกเบี้ยรับจากเงินฝากธนาคาร กำไรจากผลต่างระหว่างมูลค่าตามบัญชีและมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ของเงินลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อค้า และกำไรจากการขายหลักทรัพย์เพื่อค้า