นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบราว 0.3-0.5% โดยมีตลาดหุ้นญี่ปุ่น และตลาดหุ้นเกาหลีที่ปรับตัวลงมาก ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดศึกการค้ารอบใหม่ โดยได้ทวีตข้อความระบุว่า จะประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนตินา และสหรัฐฯก็กำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากฝรั่งเศสด้วย
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันได้ฟื้นตัวขึ้นมาทำให้น่าจะมาช่วยประคองหุ้นในกลุ่มพลังงานให้มาช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง แม้ Sentiment โดยรวมจะปรับตัวลงแต่คงจะไม่มากกว่าตลาดเพื่อนบ้าน พร้อมให้ติดตามการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 5-6 ธ.ค.นี้ โดยให้ติดตามการลดกำลังการผลิต
พร้อมให้แนวรับ 1,560 ถัดไป 1,550-1,545 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,783.04 จุด ร่วงลง 268.37 จุด (-0.96%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,113.87 จุด ลดลง 27.11 จุด (-0.86%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,567.99 จุด ลดลง 97.48 จุด (-1.12%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 298.36 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.93 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 128.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 29.51 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 16.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 12.98 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.70 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ธ.ค.62) 1,569.53 จุด ลดลง 21.06 จุด (-1.32%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,357.40 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ธ.ค.62) ปิดที่ 55.96 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ธ.ค.) อยู่ที่ -0.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.27 แนวโน้มแข็งค่า หลังดอลล์อ่อน วิตกสงครามการค้า มองกรอบวันนี้ 30.20-30.35
- "สนธิรัตน์" เตรียมนั่งหัวโต๊ะถกร่วมกับภาคประชาชน เพื่อปรับโครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่นวันที่ 13 ธ.ค.นี้ หวังปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันให้เป็นธรรม มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนคนไทย หลังประเดิมดึงโรงกลั่นร่วมวงถกรอบแรก เจอข้อมูลเบื้องต้น ที่สามารถปูทางไปสู่เป้าหมายได้ ภาคประชาชนย้ำเจอสูตรที่จะช่วยลดราคาขายปลีกแล้ว แจงตัวเลขที่มีโอกาสเป็นไปได้ ราคาจะลดลง 1-1.50 บาทต่อลิตร
- กลุ่มอสังหาฯ ยิ้มรับอานิสงส์มาตรการรัฐ มั่นใจช่วยปลุกกำลังซื้อช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงปีหน้า เตรียมเปิดโครงการใหม่คึกคัก หลังเร่งระบายสต็อก ดันผลดำเนินงานพลิกฟื้นตัว โดย "ลลิล" จ่อเปิดโครงการใหม่ 8-10 โครงการในปีหน้า ขณะ "ชีวาทัย" ลุ้นกลับมามีกำไร
- กฟผ.เสนอ กกพ.ปรับสูตรราคาก๊าซใหม่ มั่นใจกดค่าไฟถูกลงแน่ โดยพูลใหม่เสนอเป็นราคาแอลเอ็นจีนำเข้าทดแทนการซื้อจากปตท. พร้อมลุยโรงไฟฟ้าชุมชน 100-200 เมกะวัตต์ รอบโรงไฟฟ้า-เขื่อน ยกคุณภาพชีวิตประชาชนฐานราก
- รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนพฤศจิกายน 2562 ว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนดังกล่าวปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 47.4 มาจากความเชื่อมั่นที่ลดลงของภาคการผลิตเป็นสำคัญ โดยดัชนีของภาคการผลิตปรับลดลงมาอยู่ที่ 44.7 และปรับลดลงในเกือบทุกองค์ประกอบและอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 เป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน สะท้อนถึงภาวะในภาคการผลิตโดยรวมที่ยังแย่ลงต่อเนื่อง นำโดยกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ กลุ่มผู้ผลิตเคมีปิโตรเลียม และกลุ่มยางและพลาสติกที่มีความเชื่อมั่นด้านการผลิต ผลประกอบการ และคำสั่งซื้อที่ลดลงตามอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่ชะลอลง รวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากสงครามทางการค้า (เทรดวอร์) ระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังไม่ได้ข้อสรุป สำหรับผู้ประกอบการในภาคที่ไม่ใช่การผลิตมีความเชื่อมั่นทรงตัวที่ 50.1 โดยความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อและการลงทุนที่ปรับดีขึ้นเล็กน้อยถูกชดเชยด้วยมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการที่ปรับลดลง
- ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ปี 2563 จะเดินหน้าแคมเปญงดให้งดรับถุงพลาสติกหูหิ้วอย่างจริงจัง คาดว่าจะลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วได้มากถึง 9,000 ล้านใบต่อปี หรือ 20% ของขยะถุงพลาสติกทั้งหมด 45,000 ล้านใบต่อปี พร้อมสนับสนุน แคมเปญ "Everyday Say No to Plastic Bags" งดให้ถุงพลาสติก หูหิ้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 มีค้าปลีกเข้าร่วมโครงการกว่า 75 ร้านค้า ช่องทางจำหน่ายกว่า 24,500 ช่องทาง ยืนยันงดให้ถุงพลาสติกหูหิ้ว คาดว่าจะบรรลุเป้าหมายและสามารถสร้างพฤติกรรมและทัศนคติต่อผู้บริโภคในการร่วมลด ละ เลิก ขยะพลาสติก ได้เร็วกว่า โรดแมพที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดว่าถุงพลาสติกจะหมดไปปี 2571
- พาณิชย์เผยเงินเฟ้อ พ.ย.2562 เพิ่มขึ้น 0.21% เริ่มดีดตัวขึ้น หลังไร้แรงกดดันจากราคาน้ำมัน คาดเงินเฟ้อจากนี้ไปจะปรับตัวสูงขึ้น จับตากลุ่มเกษตร ราคาจะขึ้นลงตามฤดูกาล แนะรัฐอุ้มค่าโดยสาร เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน หลังราคายังพุ่ง คาดตัวเลขทั้งปี 0.7-0.8%
*หุ้นเด่นวันนี้
- TCAP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 62 บาท ท่ามกลางความเสี่ยงของตลาด จึงกลับมาแนะนำหุ้นปันผลเด่นอย่าง TCAP อีกครั้ง โดยเงินปันผลพิเศษที่บริษัทประกาศแล้ว 4 บาท/หุ้น ให้ yield สูงถึง 7% จ่ายภายหลังขาย TBANK แล้วเสร็จซึ่งคาดขึ้น XD ราว ก.พ. ปีหน้า พร้อมคาดกำไร Q4/62 เบื้องต้นที่ 2 พันล้านบาท -18% Q-Q, ทรงตัว Y-Y ยังไม่รวมกำไรขายเงินลงทุน และคาดจ่ายปันผลงวด H2/62 ราว 1.60 บาท/หุ้น (yield 2.8%) ซึ่งคาดว่าจะขึ้น XD ราวปลาย เม.ย. จ่ายเงินราวกลาง พ.ค. ปีหน้า ส่วนเงินปันผลปี 2563 คาดว่าจะให้ yield สูงกว่า 5% เพราะมีโอกาสปรับนโยบายการจ่ายปันผล (ปัจจุบัน <40% ของกำไร) ตามสัดส่วนการถือบ.ร่วม-ย่อยที่เพิ่มขึ้นและการเป็น Debt-free company
- ADVANC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 260 บาท ทยอยสะสมมองราคาหุ้นลดลงสะท้อนข่าวสงครามราคาไปมากแล้ว และจากการเช็คข้อมูลล่าสุดพบว่าผู้ประกอบการทยอยถอนโปรโมชั่นในการแข่งขันราคาออกไปแล้วเช่นกัน จึงเชื่อว่าปัจจัยนี้จะช่วยลดความกังวลของตลาดออกไป นอกจากนี้ราคาหุ้นที่ลดลงแรงทำให้ Dividend yild เริ่มน่าสนใจประมาณ 3.8-4%