ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาส Sideway Down ในกรอบ 1,565-1,595 จุด เนื่องจากสถานการณ์สหรัฐ และจีนอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกได้ก่อนสิ้นเดือน ธ.ค. หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายเพื่อสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง และนักลงทุนสถาบันต่างชาติมีแนวโน้มขายปิดสถานะเมื่อเข้าใกล้ช่วงเทศกาลวันหยุดยาวคริสต์มาสปลายปี
นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาวันที่ 3 ธ.ค. สหภาพยุโรป (อียู) จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ต.ค. สหรัฐเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือน พ.ย. ส่วนวันที่ 4 ธ.ค.อียู เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน พ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย. ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
วันที่ 5 ธ.ค. อียู เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/62 (ประมาณการครั้งที่ 3) และยอดค้าปลีกเดือน ต.ค. สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดุลการค้าเดือน ต.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเดือนต.ค.และวันที่ 6 ธ.ค. สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.
ด้านนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ระยะสั้นยังไม่มีปัจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามาสนับสนุน แม้ว่าจีนจะรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการในเดือน พ.ย.เพิ่มขึ้น และดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว และกระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนี CPI เดือน พ.ย.62 ขยายตัว 0.21% จากตลาดคาด 0.3% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ขยายตัว 0.47% ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 62 CPI ขยายตัวเฉลี่ย 0.69% และ Core CPI ขยายตัวเฉลี่ย 0.53% ยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ จึงไม่กดดันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และคาดว่าจะมีเม็ดเงินซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เมื่อดัชนี SET หลุดระดับ 1,600 จุด ก็ตาม
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นได้ประโยชน์กรณีกรมสรรพสามิตแตะเบรกภาษีความเค็ม ชู TKN และTFMAMA และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการ "บ้านดีมีดาวน์" ที่จะเริ่มลงทะเบียน 11 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ ชู SPALI, AP, LPN, PF, ORI และ ANAN รวมทั้งหุ้นที่แนะนำลงทุนสำหรับเดือนธ.ค. ได้แก่ JUBILE, TACC และ TNP
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบที่ 1,445-1,480 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีแรงซื้อรีบาวด์ค่อนข้างน้อยเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน อีกทั้ง SPDR มีสถานะขายติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 จากที่ก่อนหน้านี้มีสถานะซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนมีสถานะขาย 21.71 ตัน (ต.ค. ขายออก 5.28 ตัน) คอยกดดันราคาทองคำ หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวรับ 1,445 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้ให้ขายออก
ปัจจัยที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐ ดัชนีภาคบริการสหรัฐ การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงานสหรัฐ แนะนำใช้กลยุทธ์ ลงซื้อขึ้นขายในกรอบ 1,445-1,475 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็น 20,730-21,200 บาทต่อบาททองคำ