นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.สมาร์ทคอนกรีต (SMART) เปิดเผยว่า บริษัทมีความมั่นใจว่าผลประกอบการทั้งปี 62 จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิครั้งแรกจากที่ขาดทุนมา 4 ปีติดต่อกันตั้งแต่ปี 58-61 เนื่องจากในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิแล้ว 23.24 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมคาดว่าจะเติบโตได้ราว 10-14% มากกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะมีรายได้รวมแตะ 400 ล้านบาท หรือเติบโต 10%
แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/62 บริษัทเชื่อมั่นว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/62 เนื่องจากความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างอิฐมวลเบาเพิ่มขึ้นในโซนภาคตะวันออก ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการเอกชนขยายการลงทุน โดยเฉพาะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เริ่มทยอยเปิดโครงการใหม่มากขึ้น
ประกอบกับ บริษัทได้ขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านร้านโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ไทยวัสดุ และ Global House เพิ่มขึ้นเป็น 120 สาขา จากปีก่อน 67 สาขา หลังจากที่กระแสความนิยมอิฐมวลเบาใช้เพื่อการตกแต่งได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มศักยภาพทำกำไรได้ดีขึ้น และกระจายสินค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั่วประเทศ
ส่วนทิศทางในปี 63 คาดว่าภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างยังทรงตัวและมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ 10% เนื่องจากบริษัทมีความได้เปรียบด้านการขยส่งสินค้าและจำหน่ายสินค้าในพื้นที่ EEC ซึ่งมีโครงการทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าให้คำแนะนำสินค้าเพื่อให้มีความเข้าใจสินค้าอิฐมวลเบามากขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอิฐมวลเบาอยู่ที่ระดับ 70% ของจำนวนยอดกำลังผลิตรวม 4.5 ล้านก้อนต่อปี สามารถรองรับกับความต้องการเพิ่มขึ้นได้ในปีถัดไป แต่หากมีความต้องการเพิ่มขึ้น บริษัทพร้อมขยายกำลังการผลิตหลังจากมีที่ดินภายในโรงงานอีก 20 ไร่ เตรียมรองรับการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมในอนาคต
"บริษัทฯยังมุ่งเน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ อิฐมวลเบาประเภทตกแต่งมากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าควบคู่กับการใช้กลยุทธ์ O2O Online to Offline กระตุ้นการสร้างยอดขายให้เติบโต และสร้างการรับรู้กับลูกค้าในวงกว้าง ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีและมีคำสั่งซื้อจากโครงการในภาคตะวันออก กลุ่มลูกค้าสถาปนิก และผู้รับเหมารายย่อยมากขึ้น
ล่าสุดบริษัทเพิ่มกำลังการผลิตอิฐมวลเบาประเภทตกแต่งเป็น 23,000 ก้อนต่อเดือน จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 10,000 ก้อนต่อเดือน บริษัทตั้งเป้าว่าปี 63 จะมีสัดส่วนรายได้ของอิฐมวลเบาประเภทตกแต่งเพิ่มเป็น 3% จากปัจจุบัน 2%" นายรังสี กล่าว
นายรังสี กล่าวอีกว่า สำหรับการขยายตลาดกลุ่มประเทศ CLMV บริษัทมีการส่งสินค้าไปจำหน่ายในประเทศกัมพูชาและสปป.ลาว เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยมีกระแสตอบรับที่ดีและมีออเดอร์สั่งซื้อสินค้าต่อเนื่องจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศดังกล่าว อีกทั้งบริษัทรักษาสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศในปี 2562 อยู่ที่ 2% ทั้งนี้บริษัทยังคงเดินหน้าเจรจาหาพันธมิตรเป็นตัวแทนจำหน่ายเพื่อขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV อย่างต่อเนื่อง