นางสาววรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสมัพันธ์ บมจ.เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 63 เบื้องต้นไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท โดยยังคงมุ่งมั่นในการผลักดันยอดขายในปีหน้าให้กลับมาเติมโตได้อีกครั้ง แม้ว่ายังมีความท้าทายจากค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่ากดดัน แต่มีปัจจัยหนุนจากธุรกิจในประเทศจีนที่ ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์จีนที่บริษัทซื้อกิจการมาจะสามารถดำเนินงานและสร้างยอดขายได้เต็มที่ทั้งปี
ขณะเดียวกันแนวโน้มของธุรกิจอาหารสัตว์คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นในปี 63 หลังจากปีนี้เกิดการชะลอตัว โดยเฉพาะการส่งออกอาหารสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้ราคาขายของบริษัทสูงขึ้น และลูกค้าสั่งซื้อลดลง ขณะเดียวกันบริษัทจะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์"มองชู" ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทไปขายในโมเดิร์นเทรด ซึ่งเป็นช่องทางการขายที่เพิ่มขึ้นเข้ามา จากที่ปีนี้ขายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น พร้อมกับบังมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในช่วงต้นปีที่จะเข้ามาหนุนยอดขาย
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าสัดส่วนยอดขายของกลุ่มอาหารสัตว์ในปี 63 จะเพิ่มขึ้นมาเป็นเกือบ 40% จากปีนี้ที่ 30% ขณะที่สัดส่วนยอดขายอาหารแช่แข็งจะลดลงมาอยู่ที่ 40% จากปีนี้ที่ 50% สัดส่วนยอดขายกลุ่มทูน่าจะเพิ่มขึ้นมาที่ 12-13% จากปีนี้ที่ 10% และสัดส่วนยอดขายอาหารสัตว์น้ำจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 12% จากปีกนี้ที่ 10%
"ในปี 63 บริษัทยังคงเน้นการขายสินค้าที่เพิ่มมูลค่าที่ให้มาร์จิ้นดีเป็นหลัก เพื่ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าอยู่ที่ 8-9% พร้อมกับทำการปประกันความเสี่ยงค่าเงินเพิ่มมากขึ้นให้สอดคล้องกับสถานการณ์"นางสาววรัญรัชต์ กล่าว
ด้านการลงทุนในปี 63 ในเบื้องต้นวางงบลงทุนไว้ไม่เกิน 700 ล้านบาท แบ่งเป็น งบลงทุนสำหรับการทำดีล M&A ธุรกิจผลิตอาหารสัตว์หรือจัดจำหน่ายอาหารสัตว์ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษา ตั้งงบสำหรับการทำดีลไว้ที่ 300-500 ล้านบาท และยังมีการปรับปรุงเครื่องจักรของสายการผลิตอาหารสัตว์ในโรงงานเดิมให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ใช้เงินลงทุน 100 ล้านบาท ประกอบกับขยายกำลังการผลิตอาหารเม็ดเพิ่มอีกกว่า 7,000 ตัน/ปี โดยวางเงินลงทุนไว้ที่ 50-100 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 62 แนวโน้มกำไรคาดว่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไร 362.23 ล้านบาท ซึ่งเป้นการลดลงตามยอดขายของบริษัทที่ได้ปรับเป้ามาเป็นรอบที่ 2 หลังจากปิดงบไตรมาส 3/62 โดยเป้าหมายยอดขายในปีนี้จะอยู่ที่ 8.2-8.5 พันล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ปรับรอบแรกที่ 1.02 หมื่นล้านบาท ลดลงมาจากต้นปีที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.07 ล้านบาท โดยมีปัจจัยกดดันหลักมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นราว 8% กระทบต่อยอดขายของบริษัทที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะยอดขายกลุ่มอาหารสัตว์
นอกจากนี้ ยังเกิดความล่าช้าของการปิดดีลซื้อกิจการในจีนจากเดือน มิ.ย.62 ไปเป็นดือน ส.ค. 62 เพราะติดขัดเรื่องกฎหมายในประเทศจีนที่ซับซ้อน ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อยอดขายของบริษัทที่วางเป้าหมายไว้ ทำให้การเริ่มดำเนินงานขยายอาหารสัตว์ของจีนต้องล่าช้าออกไปเป็นปี 63 ทำให้ฉุดยอดขายในปีนี้ลงไปต่ำกว่าเป้าหมายเดิม แต่มองว่าปีหน้าบริษัทจะพยายามผลักดันให้ธุรกิจกลับมาฟื้นตัว และอยู่ระหว่างการวางแผนงานซึ่งจะประกาศแผนปีหน้าและแผนระยะยาวออกมาอย่างชัดเจนอีกครั้งหลังจากปิดงบปี 62