นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้หลังจากที่ได้ปรับตัวลงลึก และยังมีปัจจัยหนุนจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ยังคืบหน้าในทางดีอยู่ แต่ยังต้องติดตามดู 15 ธ.ค.สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนหรือไม่ หรือจะเลื่อนออกไป และยังได้แรงหนุนจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่ออกมาดีกว่าตลาดคาดไว้ด้วย ส่งผลให้ดาวโจนส์ และตลาดในยุโรป ต่างปรับตัวขึ้นได้ดีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวในแดนบวกด้วย
สำหรับผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ผ่านมาก็มีการลดกำลังการผลิตตามคาด จาก 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน เป็น 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งลดกำลังการผลิตเพิ่มอีก 5 แสนบาร์เรล/วัน ตามที่ตลาดคาดไว้ ช่วยหนุนราคาน้ำมันได้บ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตตามที่ตลาดคาดไว้ ทำให้เช้านี้ราคาน้ำมันฟิวเจอร์สอ่อนลงเล็กน้อย
นอกจากนี้ สัปดาห์นี้ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 10-11 ธ.ค. และติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ซึ่งทั้งสองการประชุมก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งให้ติดตามการเลือกตั้งอังกฤษในวันที่ 12 ธ.ค. และ 15 ธ.ค. ก็เป็นวัน Dateline ที่สหรัฐฯจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
พร้อมให้แนวรับ 1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,571 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,015.06 จุด พุ่งขึ้น 337.27 จุด (+1.22%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,145.91 จุด เพิ่มขึ้น 28.48 จุด (+0.91%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,656.53 จุด พุ่งขึ้น 85.83 จุด (+1.00%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 189.91 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.45 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 15.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 25.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.26 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 23.41 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.26 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ธ.ค.62) 1,558.99 จุด ลดลง 6.46 จุด (-0.41%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,618.95 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ธ.ค.62) ปิดที่ระดับ 59.20 ดอลลาร์/บาร์เรล บวก 77 เซนต์ หรือ 1.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ธ.ค.) อยู่ที่ 0.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.35 แนวโน้มอ่อนค่า หลังดอลล์แข็งรับตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด
- 2 โบรกฯแนะนักลงทุนดักเก็งกำไรหุ้นเข้าคำนวณ ในดัชนี SET50-SET100 รอบใหม่ ก่อนตลท.เตรียมประกาศรายชื่อกลางเดือนธ.ค.นี้ โชว์สถิติให้ผลตอบแทนสูงเกือบ 7% ด้านบล.ทิสโก้ ประเมินมี 1 หุ้นใหม่ติดโผ SET50 และอีก 8 รายติดโผเข้า SET100 ฟากบล.เอเซีย พลัส คาดหุ้นวีจีไอมีแววสดใส หลังมีลุ้นติดโผทั้งสองดัชนี
- "ศักดิ์สยาม" สั่งจับตาดูสายการบินเล็งเลิกใบอนุญาตหากสถานะทางการเงินมีปัญหา ล้อมคอก ไม่ให้กระทบผู้โดยสาร พร้อมรับ ICAO ตรวจสนามบินต้นปีหน้า เดินเครื่อง FAA ปลดล็อกบินเข้าสหรัฐ
- นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สินรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การลงทุนระบบรางของ รฟท. ในปี 2563 นั้น ตั้งเป้าหมายจะเดินหน้าเปิดประมูลโครงการทั้งรถไฟความเร็วสูงและรถไฟทางคู่ มูลค่านับแสนล้านบาท เริ่มจากการเร่งเปิดประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา สัญญาก่อสร้างโครงการที่ยังค้างท่ออยู่ราว 4-5 สัญญา มูลค่าราว 50,000 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 1-2 ของปีหน้า ขณะนี้การก่อสร้างสัญญาที่ 1 ช่วงกลางดง-ปางอโศก 3.5 กม. ก่อสร้างไปได้ 80-90% แล้ว
- นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และ 7 สมาคมเหล็กที่มีสมาชิกเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศกว่า 470 ราย ว่า ได้สั่งการให้สมอ.ทำงานใกล้ชิดกับ 7 สมาคมเหล็ก เพื่อแก้ไขปัญหา กรณีที่ผู้ผลิตเหล็กในประเทศถูกแย่งส่วนแบ่งการตลาดโดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล็กของไทยให้มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ แข่งขันในตลาดโลกได้ พร้อมสนับสนุนให้ใช้เหล็กภายในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจคท์ต่างๆ เพื่อลดอัตราการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศรวมทั้งแนะนำให้ผู้ประกอบการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง ซึ่งมีกำลังซื้อสูง โดยกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยสมาชิกหอการค้าไทยกังวลกรณีที่ผู้บริโภคคนไทยหันมาสั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์จากเว็บไซต์ของต่างประเทศมากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) และกลุ่มผู้ค้ารายย่อยตามตลาดนัด และย่านการค้าต่างๆอย่างมาก จึงต้องการให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีสินค้าให้ทั่วถึง โดยเฉพาะการเก็บภาษีพัสดุไปรษณีย์จากต่างประเทศด้วยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% กับสินค้านำเข้าที่มีราคาต่ำกว่าชิ้นละ 1,500 บาท จากปัจจุบัน ที่ได้รับยกเว้นภาษี
*หุ้นเด่นวันนี้
- IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 45 บาท ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้น รวมถึงผลประกอบการที่คาดหวังผลบวกจากการซื้อ Hunstman จะช่วยหนุนให้กำไรของ IVL สูงขึ้นตั้งแต่ Q1/63 (ดีล Hunstman จะเพิ่ม EBITDA ให้ IVL ประมาณ 20% ในปีหน้า)
- CPF (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 33.5 บาท ทยอยสะสมมองราคาหุ้นลดลงสะท้อนข่าวแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์หมูแอฟริกาไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบันราคาหมูในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากระดับ 55 บาทต่อกก. เป็น 64 บาทต่อกก. เช่นเดียวกับราคาหมูเวียดนามที่ฟื้นตัวขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับ 33,000 ดองต่อกก. ขึ้นเป็น 60,000 ดองต่อกก.ในปัจจุบันคาดว่าจะช่วยหนุนผลประกอบการ Q3/62 และ Q4/62 ฟื้นตัว
- SVI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น"รับเงินปันผลหุ้นละ 1.9282 บาท เป็น Yield ที่สูงถึง 37% (XD 19 ธ.ค. จ่ายเงิน 30 ธ.ค.นี้) เงินปันผลดังกล่าวคิดเป็น 4.2 พันล้านบาท จ่ายจากกำไร 9M62 กำไรสะสม และการกู้ 2.8 พันล้านบาท และเป็นการจ่ายหลังจากนายพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำทำ tender offer แล้วเสร็จ ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 72.54% จาก 44.71% ด้านผู้บริหารแจ้งว่าจะไม่ delist หุ้นออกจากตลาดฯภายใน 12 เดือนนับจากทำเทนเดอร์แล้วเสร็จ และไม่มีแผนเปลี่ยนนโยบายอย่างมีนัยยะเว้นแต่มีกรณีจำเป็น จึงเพียงเก็งกำไรเพราะปัจจัยพื้นฐานไม่สดใส คาดผลประกอบการ Q4/62 แย่ต่อและยังเผชิญกับบาทแข็ง โดยอยู่ระหว่างปรับลดกำไรและราคาเป้าหมาย