หุ้น AOT ราคาไหลลง 3.32% มาอยู่ที่ 72.75 บาท ลดลง 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,064.95 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.09 น. โดยเปิดตลาดที่ 73.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 73.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 72.50 บาท
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ตามที่มีรายงานข่าวออกมาว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. โดยระบุว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ กรมท่าอากาศยาน (ทย.) เร่งศึกษาข้อกฎหมาย ในการแบ่งรายได้ที่จัดเก็บจากค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge : PSC) สนามบิน 6 แห่งของบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ไม่เกิน 10% เข้ากองทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยาน เพื่อนำไปพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินภูมิภาคของ ทย. ทั้ง 28 แห่ง โดยให้เร่งหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้เกิดความชัดเจน เนื่องจากยังมีข้อสงสัยว่า สนามบินนั้นหมายถึงสนามบินทั้งหมดหรือไม่ คือ สนามบินของ ทย. 28 แห่ง และสนามบินของ AOT อีก 6 แห่ง รวมถึงสนามบินของเอกชนด้วย กรณีหากแบ่งรายได้จากค่า PSC สนามบิน 6 แห่งของทอท. ที่อัตรา 10% คาดว่าจะมีรายได้เข้ากองทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยานประมาณ 2.6 พันล้านบาทต่อปี
ฝ่ายวิจัย มองเป็นลบต่อราคาหุ้นของ AOT โดยหากกรณี worst case ที่ AOT จะต้องแบ่งรายได้ PSC เข้ากองทุนฯ 10% ในปี 2563 จะอยู่ที่ประมาณ 2.8 พันล้านบาท จะกระทบกำไรในปี 2563 ลดลงราว 8% (หลังหักภาษี) และจะทำให้กำไรสุทธิปี 2563 เหลือเติบโตเพียง 2% YoY จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 11% YoY และจะกระทบต่อราคาเป้าหมายสูงสุดไม่เกินที่ 5.00 บาท (คำนวณโดยวิธี DCF ที่ WACC 7% และ terminal growth 4%)
อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ยังต้องรอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความจะสามารถบังคับใช้กับท่าอากาศยานของ AOT ได้หรือไม่ (แตกต่างจากท่าอากาศยานของ ทย. ที่ภาครัฐถือหุ้น 100% และปัจจุบัน AOT มีการเก็บ PSC ไว้เพื่อพัฒนาสนามบินของ AOT เอง) สำหรับ AOT ประเมินราคาเป้าหมายที่ 88.00 บาท หากเป็นกรณี worst case จะกระทบราคาเป้าหมายเหลือ 83.00 บาท ซึ่งยังสูงกว่าราคา AOT ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นแนะนำ "ชะลอการลงทุน" เพื่อรอดูความชัดเจน