ดัชนีหุ้นไทยภาคเช้าร่วงกว่า 10 จุด ตามแรงขายนำออกมาในหุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) และกลุ่มโรงไฟฟ้าทั้ง GULF , GPSC , BGRIM และ EGCO กดดันภาพรวมการลงทุน ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ
เมื่อเวลา 10.59 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,548.31 จุด ลดลง 10.68 จุด (-0.68%)
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.17 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,551.64 จุด ลดลง 7.35 จุด (-0.47%)
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงกว่า 10 จุด สวนทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะบวกกันราว 0.3% โดยมองว่าสัญญาณบ้านเราได้ถอยลงมาอย่างเดียวตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดฯก็ไม่มีปัจจัยในประเทศบวกเข้ามาช่วยหนุน มีแต่ข่าวลบของหุ้นรายตัว อย่างหุ้น AOT ที่กดดันตลาดฯในเช้านี้ โดยวิตกกำไรปี 63 ถูกกระทบหากต้องแบ่งรายได้จัดเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge : PSC) เข้ากองทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยาน ซึ่งหุ้น AOT ที่ปรับตัวลงกว่า 3% ก็กระทบตลาดพอควร
ด้านปัจจัยนอกประเทศวันนี้ดูจะเป็นบวกมากกว่า จากผลประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ลดกำลังการผลิตลงอีก 5 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นผลดีต่อราคาน้ำมัน และเช้านี้หุ้นในกลุ่มพลังงานก็พยายามที่จะปรับตัวขึ้น แต่ก็ยังสู้แรงกดดันจาก AOT ไม่ได้
นอกจากนี้ ด้วยแนวคิดและมาตรการของภาครัฐฯทำให้มีความวิตกถึงผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียน อย่างเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงงาน ก็ทำให้เป็น Sentiment ลบกับบริษัทจดทะเบียน และการที่จะช่วยเหลือประชาชนในเรื่องจะปรับลดราคาน้ำมัน ก็ทำให้มีผลกระทบต่อบริษัทด้วยเช่นกัน
พร้อมให้แนวรับ 1,550-1,540 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570 จุด