ฝ่ายวิจัยบล.ไอร่า ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือน ธ.ค.62 มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยให้กรอบดัชนีแนวรับแรก 1,546 จุด แนวรับถัดไป 1,530 จุด ส่วนแนวต้านแรก 1,578 จุด แนวต้านถัดไป 1,608 จุด จากความกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่คาดยังมีความไม่แน่นอน เพราะการลงนามข้อตกลง "Phase I" ที่ก่อนหน้านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐส่งสัญญาณอาจยื้ดเยื้อถึงเดือน พ.ย.63 ซึ่งเป็นช่วงเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯพอดี
อย่างไรก็ตาม หากการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 15% วงเงิน 156,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามกำหนดวันที่ 15 ธ.ค.62 นี้ มีการเลื่อนออกไป ก็จะเป็นสัญญาณที่ดี คาดช่วยให้ข้อพิพาททางการค้าระหว่าง 2 ประเทศดีขึ้นตามลำดับ และจะกลับมาเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่ม Global Play เช่น พลังงานและปิโตรเคมี รวมถึงหุ้นกลุ่มส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงวันที่ 10-11 ธ.ค.นี้คาดว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ลดลงมาแล้ว 0.25% เมื่อการประชุมก่อนหน้า และส่งสัญญาณไม่ปรับลงในระยะสั้น และล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงต่อเนื่องนับจากต้นพฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งสัญญาณลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
ส่วนประเด็นในประเทศ คาดในระยะสั้นอาจได้รับปัจจัยกดดันบ้างจากประเด็นการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะความกังวลเสถียรภาพของรัฐบาล อาจทำให้เม็ดเงินลงทุนทั้งจากต่างประเทศ และสถาบันในประเทศ ชะลอการลงทุน จึงแนะนำติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 18 ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% พร้อมทั้งการทำ Window Dressing เพื่อปิดงบปี 2562 ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนในช่วงเดือนธันวาคม และ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 คาดบังคับใช้ปลายเดือน ม.ค.63 ได้
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนโดยเน้นหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น กลุ่มท่องเที่ยวที่ได้รับประโยชน์จากช่วง High Season ที่คาดต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/63 และหุ้นที่มีความน่าสนใจเฉพาะตัว จากผลประกอบการปี 63 ที่เติบโตต่อเนื่อง ที่น่าสนใจและเป็นหุ้นแนะนำในเดือน ธ.ค.62 เช่น ADVANC, AP, CPF, PTG, SEAFCO และ SINGER เป็นต้น