นายสมชัย ไทยสงวนวรกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งรายได้ในปี 51 ที่ประมาณ 5.4 พันล้านบาท หรือโต 100% จากปี 50 ที่มีรายได้ 2.7 พันล้านบาท ซึ่งน่าจะทำให้กำไรเติบโตในทิศทางเดียวกับรายได้ โดยจะมีกำไรสูงกว่า 206 ล้านบาทในปีก่อน และอาจจะจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการในปีนี้สูงกว่าปี 50 ที่จ่ายในอัตรา 0.55 บาท/หุ้น
"ในปีนี้สินค้า OEM กับธุรกิจต้นน้ำ จะเป็นตัวผลักดันรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น เพราะธูรกิจต้นน้ำจะทำให้ต้นทุนเราลดลง ซึ่งก็จะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น และเชื่อว่าในปีนี้เราก็น่าจะสามารถจ่ายปันผลได้มากกว่าปีก่อนที่จ่ายในอัตรา 0.55 บาทต่อหุ้น" นายสมชัย กล่าว
สำหรับรายได้ในปีนี้จะเข้ามามากในช่วงเดือนพ.ค.เป็นออร์เดอร์ OEM และธุรกิจต้นน้ำที่บริษัทขยายเพื่อรองรับการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นและบริษัทยังคาดว่าจะมีการรับรู้จากออร์เดอร์ที่มีอยู่ในมือจาก OEM และชิ้นส่วนต้นน้ำอีกมูลค่า 600 ล้านบาทที่จะรับรู้ในเดือน พ.ค.-มิ.ย.
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2/51 บริษัทจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากสินค้า OEM ประเภทผลิตชิ้นส่วนแอร์บ้านให้กับลูกค้าตะวันออกกลางและสหรัฐ 300-400 ล้านบาท โดยจะทยอยเข้ามาในไตรมาส 2/51 ลูกค้าดังกล่าวเป็นลูกค้าในปีก่อนที่เลื่อนสั่งออร์เดอร์จากปัญหาค่าบาทที่แข็งค่าขึ้น จาก 34 บาท/ดอลลาร์ มาที่ 32 บาท/ดอลลาร์ แต่บริษัทเจรจาราคากันใหม่ที่ 31 บาท/ดอลลาร์
นายสมชัย กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้ราคาทองแดงซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วนปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% เป็นราคา 8,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปีก่อนที่ 7,100-7,200 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่บริษัทก็สามารถผลักภาระจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้กับลูกค้าได้ทุกไตรมาส และหวังว่าราคาทองแดงที่เป็นปัญหาจะปรับตัวลดลงในช่วงกลางปีนี้
ส่วนเงินเพิ่มทุนจำนวน 1,230 ล้านบาทที่เพิ่มทุนไปนั้น บริษัทได้ใช้ไปแล้ว 711 ล้านบาท ยังเหลือเพียงพอที่จะใช้ได้อีก 2-3 ปี นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค่า OEM รายใหม่อีก 5 ราย โดยสัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาจากสินค้า OEM ครึ่งแรกในปีนี้ประมาณ 40% แต่ครึ่งปีหลังจะมากขึ้นเป็น 60% จากทางฟูจิสึที่เป็นลูกค้ารายสำคัญสั่งผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทเริ่มหันมาทำธุรกิจต้นน้ำจะทำให้ค่าใช้จ่ายการบริหารของบริษัทลดลงโดยตั้งเป้าในปีนี้ค่าใช้จ่ายลดลงเหลือ 5% จากปัจจุบัน 8%
"ยอมรับว่ารายได้ปี 50 ที่ผ่านมา พลาดเป้าจากที่วางไว้ว่าจะโต 40% ที่ 2.8 พันล้านบาท แต่เราทำได้โตแค่ 30% ที่ 2.7 พันล้านบาท เพราะเราเจอสิ่งที่ไม่คาดคิดทั้งในเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้ลูกค้าเราชะงักไปและติดปัญหาการเคลียร์ทรัพย์สินจากบริษัทยอร์คที่บริษัทไปซื้อกิจการมา ทำให้การผลิตที่ล่าช้าออกมาเป็นเดือนธ.ค.จากเดิมที่คาดว่าจะผลิตได้ก่อนธ.ค." นายสมชัย กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--