นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.โกลบอล คอนซูเมอร์ (GLOCON) เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายจะล้างขาดทุนสะสมทั้งหมดเกือบ 800 ล้านบาทภายใน 2-3 ปีข้างหน้า โดยใช้กำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทมุ่งเน้นการฟื้นธุรกิจให้พลิกกลับมามีกำไรในปี 63 เป็นปีแรกหลังจากขาดทุนมาอยทางต่อเนื่อง 8 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะเริ่มมีกำไรได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 63 พร้อมวางเป้ารายได้ 1.6 พันล้านบาท หรือเติบโต 20-25% จากปีนี้
กลยุทธ์ของบริษัทในปีหน้าจะเน้นการรุกธุรกิจอาหารมากขึ้น โดยจะมีการขยายร้าน A&W เพิ่มอีก 10-15 สาขา เน้นในทำเลใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างยอดขายได้ดีและการแข่งขันไม่สูง ประกอบกับจะเน้นไปที่การขายเมนูอาหารประเภทข้าว และเพิ่มเมนูขนมที่คนไทยเข้าถึงได้ง่ายและนิยมรับประทานมากขึ้น รวมถึงจะจัดทำอาหารแช่แข็งไปจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และทำให้ธุรกิจ A&W ติดตลาดได้รับความนิยมมากขึ้น
ส่วนธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์ (Packaging) แม้ว่าจะมีการแข่งขันที่สูง และเป็นธุรกิจที่ต้องเน้นการขายปริมาณมาก แต่ให้มาร์จิ้นน้อย บริษัทก็จะยังคงทำธุรกิจดังกล่าวต่อ เพราะยังสามารถสร้างกำไร แต่จะปรับปรุงการผลิตผลิตภัณฑ์ Packaging ให้มีประสิทธิภาพและให้มีตัวเลือกแก่ลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ Packaging ที่ย่อยสลายได้ เพื่อให้สอดคล้องกับการหยุดใช้พลาสติกของหลายผู้ประกอบการที่เริ่มในต้นปี 63 โดยบริษัทจะใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงไลน์การผลิต Packaging
สำหรับธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Personal Health Care Products ซึ่งเป็นธุรกิจเครือข่าย หรือขายตรง ภายใต้บริษัท ดิ แองเจิ้ล โกลบอล จำกัด จะเน้นไปที่การขยายเครือข่ายผ่านการทำการตลาดยุคดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายช่องทาง ผ่านระบบ Beyond O2O ที่ได้รวบรวมจุดแข็งทั้งด้านออนไลน์และออฟไลน์ ต่อยอดพัฒนาซอฟแวร์อัจฉริยะ ที่จะช่วยหุ้นส่วนธุรกิจ สามารถตรวจสอบการเติบโตขององค์กรธุรกิจได้แบบ Real Time รวมถึงได้สร้างเครื่องมือบุกตลาดออนไลน์ที่ทันสมัยใช้ได้จริง และมีหลักสูตรออนไลน์มืออาชีพ (Professional Course) ที่สร้างผลลัพธ์ได้รวดเร็ว รองรับลูกค้าและนักธุรกิจที่สามารถใช้ขยายตลาดไปได้ทั่วโลก
นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมสำหรับธุรกิจเครือข่ายในช่วง 5 ปี (ปี 63-67) อยู่ที่ 3 พันล้านบาท โดยในปี 63 จะเริ่มจากการที่มีรายได้ 100 ล้านบาท และมีฐานสมาชิกอยู่ที่ 19,100 รหัส และจะเพิ่มเป็น 30,000 รหัส ในปี 64 จากปัจจุบันมีฐานสมาชิกอยู่ที่ 7,000 รหัส ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในต่างจังหวัด แต่บริษัทก็จะเน้นทำธุรกิจในทุกจังหวัดทั่วประเทศ พร้อมทั้งจะทยอยขยายการขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา และเมียนมา พร้อมกับใช้สาขาของร้าน A&W เพื่อนำสินค้าเสนอให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงใช้เป็นพื้นที่ให้ลูกค้าในเครือข่ายสามารถซื้อสินค้าของบริษัทได้ ทำให้มีช่องทางในการจัดจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น และผลักดันให้ยอดขายของดิ แองเจิ้ล โกลบอล เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทจะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่ธุรกิจอาหารมากขึ้น โดยในปี 63 มองว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารจะอยู่ที่กว่า 60% จากปีนี้ที่ 50% ซึ่งธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตที่เร็วและต่อเนื่อง มากกว่าธุรกิจอื่น ๆ และธุรกิจเครือข่ายจะเริ่มมีสัดส่วนรายได้ที่มากขึ้น หลังจากที่ขยายฐานสามชิกได้เพิ่มขึ้น ซึ่งมองว่าปีหน้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเครือข่ายจะอยู่ที่ 7-8% และสัดส่วนรายได้ที่เหลือจะมาจากธุรกิจ Packaging และธุรกิจอื่น ๆ อย่างไรก็ตามบริษัทยังมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต