ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นที่กำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยมีคำสั่งให้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) รื้อถอนสิ่งกีดขวางใดๆ ออกไปจากเขตทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 บริเวณทางเข้า-ออกหน้าโครงการ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ต และยุติการดำเนินการใดๆ อันเป็นการขัดขวาง รบกวน หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการใช้ประโยชน์ใดๆ ของ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) และ บริษัท ซีพีเอ็น วิลเลจ จำกัด และการดำเนินการของหน่วยงานสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว
เนื่องจากศาลฯ เห็นว่า CPN และบริษัท ซีพีเอ็น วิลเลจ จำกัด เพียงขอเปิดใช้ทางเชื่อมระหว่างโครงการกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 เพื่อให้ยานพาหนะสามารถผ่านเข้า-ออกและขอใช้สาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อประกอบกิจการโครงการเท่านั้น ยังไม่ได้มีลักษณะถึงขั้นเป็นการขัดขวางหรือรบกวนการปฏิบัติงานของ AOT
ข้ออ้างของ AOT ที่ว่าการเปิดทางเชื่อมจะทำให้การจราจรบริเวณหน้าโครงการหนาแน่นขึ้น กระทบต่อการเดินทางของผู้ที่ต้องการใช้บริการท่าอากาศยาน ส่งผลกระทบต่อมาตรฐานการให้บริการ หรือกระทบต่อแผนพัฒนาท่าอากาศยาน เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น ซึ่งไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้น อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่สามารถป้องกันและแก้ไขได้
และส่วนที่อ้างว่าการก่อสร้างโครงการดังกล่าวใกล้เคียงกับทางขึ้นลงท่าอากาศยานอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินอากาศนั้น ศาลฯ เห็นว่า เป็นเรื่องของการก่อสร้างอาคารซึ่งเป็นคนละส่วนกับการทำทางเชื่อมเข้า-ออกที่พิพาทในคดีนี้ ดังนั้น การที่ศาลฯ จะมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา ตามคำขอของ CPN จึงไม่เป็นการเสียหายหรือเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของ AOT