นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และกรรมการผู้จัดการ บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) กล่าวว่า บริษัท คาดรายได้ปี 63 จะทำได้ราว 10,000 ล้านบาท ลดลงจากปีนี้ที่คาดจะมีรายได้ 13,000-14,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ปกติ จากปัจจุบันที่มียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 18,644 ล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้รายได้ในปีหน้าประมาณ 40% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 66 แตกต่างจากปีนี้ที่มีการขายทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์, การขายที่ดินจำนวนหลายแปลง และการขายอาคารสำนักงานให้เช่า
อย่างไรก็ตาม นโยบายของบริษัทจะรักษาระดับรายได้ที่ 10,000-12,000 ล้านบาท ไปอีก 3 ปี (ปี 63-65) โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตแตะ 15,000 ล้านบาทภายในปี 66 ตามการพัฒนาโครงการเองและการพัฒนาโครงการร่วมกับพันธมิตร (JV)
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 63 ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท เติบโตจากปีนี้ที่คาดจะทำได้เกือบ 10,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มเติมอีก 5 โครงการ แบ่งเป็น โครงการร่วมทุน 2-3 โครงการ เบื้องต้นจะพัฒนาร่วมกับกลุ่มฮ่องกงแลนด์ โดยมีแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับไฮเอ็นบริเวณแยกเพลินจิต มูลค่าราว 3,500 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 3/63 และการพัฒนาที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้าร่วมกับ บมจ.ยู ซิตี้ (U) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 1/63
พร้อมกันนี้บริษัทวางงบลงทุนซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีกในปีหน้าจำนวน 3,000-4,000 ล้านบาท หรือประมาณ 5 แปลง เน้นทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT และ BTS เพื่อพัฒนาโครงการในระดับราคา 3-5 ล้านบาท/ยูนิต จับกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
"ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าที่หลายภาคส่วนมองว่ายังชะลอตัวต่อเนื่อง บริษัทเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องด้วยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวต่างชาติ คาดว่าปีหน้าก็ยังคงมีดีมานด์จากตรงนี้อยู่จากหลายปัจจัย อย่างการประท้วงที่ประเทศฮ่องกง ก็น่าจะส่งผลทำให้มีลูกค้ามาซื้อพร็อพเพอร์ตี้มากขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำก็น่าจะเป็นตัวสนับสนุนให้มีกำลังซื้อมากขึ้น"นายธงชัย กล่าว
นายธงชัย กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นอกตลาดเพื่อเข้าซื้อโครงการแนวสูงที่มีปัญหาโครงสร้างทางการเงิน จำนวน 3-4 โครงการ มูลค่าโครงการเกือบ 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 1/63 ประมาณ 1-2 โครงการ คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) มากกว่า 15% ขึ้นไป