นางสาวนิตยา เลิศแสงเพชร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์และช่องทางบริการ บลจ.วี เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของกองทุนเปิด วี โกลบอล อิควิตี้ (WE-GEQUITY) ระหว่างวันที่ 11-18 ธันวาคม 2562 เน้นลงทุนในกองทุน Fundsmith Equity Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งบริหารจัดการโดย Fundsmith LLP ผู้จัดการกองทุนของอังกฤษ ที่มีความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกหุ้นรายตัวจากปัจจัยพื้นฐาน ที่มีชื่อเสียงและมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น จากแนวทางการเลือกหุ้นคุณภาพดี ลงทุนแบบ ระยะยาว (Long-term investor) ซื้อแล้วถือ (Buy and Hold Strategy) เพื่อให้หุ้นสร้างมูลค่าอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มองว่าช่วงที่ยังไม่มีความชัดเจนของทิศทางเศรษฐกิจ การเลือกหุ้นที่ดี ยังเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนในการจัดพอร์ตการลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีคุณภาพในการทำกำไรที่ดี มีพื้นฐานการทำธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเติบโตจากความต้องการของโลก (Secular Growth) โดยสะท้อนจากแม้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในอดีต หุ้นจดทะเบียนในประเทศพัฒนาแล้วดังกล่าว เช่น กลุ่ม Medical supply, Healthcare, Equipment, Solution service ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี
การกระจายการลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพการทำกำไรที่ดี เช่น มีกำไรจากการดำเนินงาน (Returns on Capital Employed) ในรูปเงินสดอย่างสม่ำเสมอและยาวนาน สามารถสร้างอัตราการเติบโตของธุรกิจจากการนำกระแสเงินสดมา re-invest ได้สูง โครงสร้างทางธุรกิจที่ได้เปรียบ จากคู่แข่งเลียนแบบยาก ต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และมีอำนาจการต่อรองสูง จะทำให้พอร์ตการลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนในระดับที่ดี
นางสาวนิตยา กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญต่อการลงทุนในปี 63 ยังอยู่ที่ปัญหาสงครามการค้าที่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน และคาดว่าความไม่แน่นอนของสงครามการค้าจะยังคงมีอยู่ในปีหน้า ทำให้แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับต่ำ รวมไปถึงแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการลงทุนยังคงอ่อนแอและอาจมีผลต่ออัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางมีโอกาสลดดอกเบี้ยลงได้อีกในปีหน้า หลังจากปัจจุบันที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางหลาย ๆ ประเทศเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เพื่อประคองการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากตราสารหนี้จะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตามการดำเนินผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน (QE) ของสหรัฐฯในปัจจุบัน เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจนั้น คาดว่าน่าจะเริ่มเห็นผลในเชิงบวกต่อต่อระบบเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งบลจ.วี ประเมินว่า หากสหรัฐฯสามารถรักษาระดับการเติบโตทางเศรษกิจในปัจจุบันที่ระดับ 1.9% หรือได้เป้าหมาย 2% จะทำให้อัตราผลตอบแทนของแต่ละสินทรัพย์ทั้งหุ้นและตราสารหนี้สหรัฐสามารถปรับตัวอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
โดยรวมเม้เศรษฐกิจจะยังไม่เกิดภาวะถดถอย แต่ผลกระทบจากสงครามการที่ยังมีผลอยู่ต่อไป และการใช้มาตรการ QE ของสหรัฐฯ ที่ยังต้องดูผลว่าจะเป็นอย่างไรนั้น ทำให้เศรษฐกิจและการลงทุนอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอน
ด้านนายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.วี เปิดเผยว่า การบริหารพอร์ตการลงทุนของกองทุนหลัก Fundsmith Equity Fund ที่เป็นจุดแข็งและแตกต่างของ Fundsmith LLP นอกจากการเลือกบริษัทที่มีการเติบโตที่ดีแล้ว ในด้านการประเมินมูลค่าหุ้นมีจุดเด่นในการวิเคราะห์ราคาที่ดีบนแนวคิด Don’t Overpay ด้วยการประเมินมูลค่าหุ้นจากการวิเคราะห์ Free Cash Flow Yield ปัจจุบันที่คาดว่าจะสามารถเติบโตในอนาคตได้ 4-5 เท่า
นอกจากนี้หลักการ Do nothing คือ ไม่เก็งกำไรในหุ้นที่คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนในระดับสูง หรือหุ้นที่คาดว่าราคาลงทุนไปต่ำแล้ว ,ไม่เลือกจังหวะเข้าลงทุน (Market Timing) , ไม่ทำการขายหุ้นตามกระแสตลาด หากหุ้นที่ถืออยู่ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และจะทำการขายหุ้นนั้น ๆ เมื่อปัจจัยพื้นฐานในการทำธุรกิจเปลี่ยน หรือเมื่อมีโอกาสทำกำไรที่ไม่ควรพลาด ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ลงทุนที่ทำให้ Fundsmith มีผลการดำเนินงานที่ดีและเป็นที่รู้จัก มีขนาดของกองทุนเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในด้านผลการดำเนินงานกองทุนหลัก ณ วันที่ 29 พ.ย. 2562 กองทุนหลัก Fundsmith Equity Fund ให้ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี 25.36%, ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 16.73%, 3 ปีอยู่ที่ 60.61% และย้อนหลัง 5 ปี 133.35% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน MSCI World Index ซึ่งอยู่ที่ 20.83%, 12.72% , 33.96% , และ 63.22% ตามลำดับ
"ด้วยกลยุทธ์ลงทุนเน้นเลือกหุ้นรายตัวของ Fundsmith บลจ.วี มองว่า "กองทุนเปิด WE-GEQUITY" เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการวางแผนการลงทุนในตลาดต่างประเทศในภาวะที่เศรษฐกิจและการลงทุนยังมีแนวโน้มความไม่แน่นอน เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำ"นายอิศรา กล่าว