นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 63 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 13,000 ล้านบาท เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ TG8 ขนาดกำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์เข้ามาเต็มที่ตลอดทั้งปี
ประกอบกับ บริษัทได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของหม้อไอน้ำ (Boiler) และสร้าง Boiler เพิ่มเติม ส่งผลให้สามารถใช้กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาขายไฟฟ้า(PPA) 3 สัญญารวม 163 เมกะวัตตต์ ได้แก่โรงไฟฟ้า TG3 ภายใต้ PPA 18 เมกะวัตต์ , TG5 ภายใต้ PPA 55 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้า TG4 และ TG 6 ภายใต้ PPA 90 เมกะวัตต์ได้เต็มประสิทธิภาพตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โดยโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จครบทั้งหมดในปี 63
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ตั้งโรงงานคัดแยกก้อนเชื้อเพลิงขยะ (RDF) ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถลดภาระจากการจัดซื้อ RDF และเพื่อความมั่นคงในการจัดหาเชื้อเพลิงมีเสถียรภาพ รวมถึงได้ต้นทุน RDF ที่ต่ำลงด้วย โดยปัจจุบันมีโรงงาน RDF อยู่ทั้งหมด 6 แห่ง และอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะก่อสร้างเพิ่มเติมในปี 63 อีก 2-3 แห่ง
นายภัคพล กล่าวอีกว่า บริษัทให้ความสนใจที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในนโยบายของรัฐบาลที่จะผลักดันโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Southern Seaboard) เพื่อให้เป็นเขตเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีแผนเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาพัฒนาโครงการ เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต และได้กำหนดให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น Energy Complex ที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเกษตร รองรับการเจริญเติบโต คาดว่าในอนาคตจะเกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้เพิ่มขึ้นจำนวนมาก
โครงการที่บริษัทสนใจเข้าลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว คือ 1. พลังงานไฟฟ้าทางเลือก 2. การก่อสร้างท่าเรือเพื่อการพาณิชย์และการท่องเที่ยว 3.นิคมอุตสาหกรรมจะนะ จังหวัดสงขลา เช่น โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงจากขยะ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่อย่างไรก็ตามยังต้องรอความชัดเจนจากทางภาครัฐออกมา
นายภัคพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 68 อัตรารับซื้อไฟฟ้าระบบ Adder จะสิ้นสุดลงของกำลังการผลิตที่ 180 เมกะวัตต์ โดยยังไม่สามารถประเมินได้ว่าระบบการรับซื้อไฟฟ้าแบบใหม่จะมีราคาการรับซื้อไฟฟ้าออกมาอย่างไร ทำให้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาการรับซื้อไฟฟ้าจะต่ำกว่าระบบ Adder เดิมแน่นอน