ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 7.49 จุดหลังน้ำมันพุ่งเหนือ 102$

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 4, 2008 06:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (3 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลที่ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 102 ดอลลาร์/บาร์เรล และข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 7.49 จุด หรือ 0.06% แตะระดับ 12,258.90 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.71 จุด หรือ 0.05% แตะระดับ 1,331.34 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 12.88 จุด หรือ 0.57% แตระดับ 2,258.60 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.57 พันล้านหุ้น มีหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 8 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.20 พันล้านหุ้น
ปีเตอร์ คาร์ดิลโล นักวิเคราะห์จากเอวาลอน พาร์ทเนอร์ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้น 61 เซนต์ แตะระดับ 102.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐเพิ่มขึ้น และจะทำให้เศษรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในภาวะ Stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น)"
"นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนม.ค.ของสหรัฐ ปรับตัวลง 1.7% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมาก" คาร์ดิลโลกล่าว
อย่างไรก็ตาม โจ แบทติพาเกลีย นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์สตีเฟน นิโคลาส์ กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันได้กระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน และการที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้จูงใจให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มโลหะ
นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นทั้ง 2 กลุ่มช่วยพยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กไว้ไม่ให้ปิดร่วงลงมากนัก โดยหุ้นโคเออร์ เดอ อเลน ไมนส์ ปิดพุ่งขึ้น 7.1% หุ้นฮาร์โมนี โกลด์ ไมน์ ปิดดีดขึ้น 8.9% และหุ้นแมสซีย์ เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 8.7%
เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินของสภาคองเกรสสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ได้อยู่ในระยะ Stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น) เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1970
"ผมไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะ Stagflation แม้มีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลงและตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายอมรับว่าการที่ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นและตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นนั้นทำให้การดำเนินงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและควบคุมเงินเฟ้อของเฟดมีความซับซ้อนมากขึ้น" เบอร์นันเก้กล่าว
รายงานระบุว่า บริษัทโบอิ้งพลาดการทำข้อตกลงซื้อขายรถถังกับกองทัพอากาศสหรัฐมูลค่ากว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ราคาหุ้นโบอิ้งร่วงลง 2.56% ขณะที่หุ้นซิตี้กรุ๊ปดิ่งลง 2.61% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าวิกฤตการณ์สินเชื่อจะทำให้ผลประกอบการของซิตี้กรุ๊ปซบเซาลงอีก
ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลงหลังจากวอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าของบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ อิงค์าร แสดงความคิดเห็นทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะถดถอยแล้ว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ