นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้หลังจากที่หลายตลาดในภูมิภาคต่างก็ปรับตัวขึ้นไปกันแล้ว และนักลงทุนต่างชาติได้กลับมาซื้อสุทธิเมื่อวานนี้ทำให้น่าจะเป็นบวกต่อตลาดฯ แสดงให้เห็นถึงแรงขายต่างชาติชะลอ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความคาดหวังเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ได้บรรลุข้อตกลงในเฟสแรกแล้ว จะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น อีกทั้งวันนี้คาดว่าหุ้นในกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่จะฟื้นตัวได้จากเก็งผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% ซึ่งก็จะช่วยหนุนแบงก์ใหญ่ได้ อย่างไรก็ดีให้จับตาว่าจะมีการส่งสัญญาณการควบคุมเงินบาทที่แข็งค่าหรือไม่ อย่างไร เพราะมีส่วนสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของตลาดฯด้วยเช่นกัน
สำหรับเม็ดเงินจากองทุน LTF, RMF ก็ยังคาดหวังจะมีแรงซื้อเข้ามามากขึ้น ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ติดลบกัน พร้อมให้แนวรับ 1,540 จุด ส่วนแนวต้าน 1,557 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,267.16 จุด เพิ่มขึ้น 31.27 จุด (+0.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,192.52 จุด เพิ่มขึ้น 1.07 จุด (+0.03%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,823.36 จุด เพิ่มขึ้น 9.13 จุด (+0.10%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 42.85 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.95 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 103.03 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 35.91 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.76 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.73 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.65 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 20.84 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ธ.ค.62) 1,548.65 จุด ลดลง 1.09 จุด (-0.07%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 878.58 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 ธ.ค.62) ปิดที่ระดับ 60.94 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ธ.ค.) อยู่ที่ -0.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.22/26 ติดตามผลประชุมกนง.-ถ้อยแถลงต่อทิศทางศก.ปี 63 คาดกรอบวันนี้ 30.15-30.30
- นายกฯ เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจลั่น จีดีพีปี 65 โตได้ 5% จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอีอีซี-ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ คมนาคมขนส่ง ชี้ดันจีดีพีภาคเกษตรเติบโตต่อเนื่อง ผุดไอเดียปลูกพืชพลังงานเพิ่มรายได้เสริมเศรษฐกิจฐานรากควบคู่การยกระดับสินค้าเกษตร แนะเอกชนเร่งลงทุน วางแผนรับมือการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
- "อุตตม" ยันจีดีพีปีหน้าขยายตัวต่อ พร้อมเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจผ่านการผลักดันให้เกิดการลงทุนและความเข้มแข็งฐานราก เผย ม.ค.ปีหน้าเริ่ม ลงทะเบียนคนจนรอบใหม่พร้อมเพิ่มสวัสดิการสร้างความเข้มแข็งภายใน "จุรินทร์" มั่นใจจีดีพีปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 3% พร้อมลุยตลาดดันส่งออก
- "คลัง" เล็งเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้านำเข้าทุกรายการ ยกเลิกการยกเว้นการเก็บภาษีสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาทต่อรายการ เพื่อสร้างความ เป็นธรรมกับผู้ประกอบการในประเทศ ด้านกรมศุลฯ และสรรพากรยันลืมของส่งกลับเข้าไทย ถ้ามีหลักฐานไม่ต้องเสียภาษี
- "กอบศักดิ์" ยันปัญหาการเมืองกดดันหุ้นไทยแค่ช่วงสั้น แนะผู้ลงทุนอย่าตื่นตระหนก เหตุพื้นฐาน บจ. ไม่เปลี่ยน มั่นใจงบปี 63 ผ่านภายใน เดือนก.พ.ปีหน้า พร้อมมอบนโยบาย ก.ล.ต. 4 ด้าน เน้นผลักดันตลาดทุนให้ยั่งยืน ลดมุมมืดการลงทุน
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยน่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.25% ในการประชุมนโยบายการเงินรอบสุดท้ายของปี 2562 ในวันที่ 18 ธันวาคม 2562 เพื่อรอประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า
*หุ้นเด่นวันนี้
- TMB (ฟินันเซัย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 2.18 บาท ราคาหุ้นวานนี้เบรกแนวต้านขึ้นไปพร้อมวอลุ่มที่หนาแน่นขึ้น แต่ก็ยังมี 2563PBV เพียง 0.6 เท่า PE 8 เท่า ต่ำที่สุดในกลุ่มแบงก์ และราคาหุ้นควรถูกปลดล็อกหลังควบรวม TBANK เพราะธนาคารใหม่จะแข็งแรงขึ้น โดยคาดการณ์กำไรของธนาคารใหม่ปี 2563 ไว้ที่ 2.2 หมื่นลบ. (มาจาก TMB 9 พันลบ. + TBANK 1.3 หมื่นลบ.) คิดเป็น EPS 0.21 บาท BVPS 2.18 บาท และ ROE คาดว่าจะอยู่ที่ 10.3% ดีกว่า TMB เดิมที่อยู่ที่ 9% ทั้งนี้ ยังไม่รวมกำไรจากการขาย TFUND ซึ่ง TMB ทำสัญญา Binding agreement กับ Espring เรียบร้อยแล้ว และยังไม่รวมผลของ Synergy ซึ่งคิดว่ายังมีไม่มากนักในปีแรก
- DTAC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 70 บาท คาดได้ประโยชน์มากสุดจากข่าว กสทช.เตรียมถอดคลื่น 700MHz ออกจากการประมูลคลื่น 5G รวมถึงเลื่อนการให้ใบอนุญาติคลื่น 700MHz ที่เคยจัดสรรไปแล้ว ประเด็นนี้จะช่วยลดรายจ่ายเงินลงทุนและค่าเสื่อมราคาให้กับผู้ประกอบการ (ใครที่ฐานกำไรต่ำจะได้ประโยชน์มากกว่ารายที่มีฐานกำไรสูง)