โบรกฯเชียร์"ซื้อ" S จากแนวโน้มผลงานปี 63 ฟื้นตัว จากธุรกิจโรงแรม-โอนโครงการอสังหาฯหนุน ,ค่าใช้จ่ายดบ.ลดจากเร่งคืนหนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 19, 2019 15:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์แนะนำ "ซื้อ" หุ้นบมจ.สิงห์ เอสเตท (S) จากการคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 63 กลับมาฟื้นตัวจากการมีโครงการใหม่ โดยเฉพาะโครงการร่วมทุนย่านสุขุมวิท 32 ที่จะมีการโอนเพิ่ม และยังมีแรงหนุนจากธุรกิจโรงแรมของบมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) ที่จะรับรู้รายได้จากโครงการ Crossroads มัลดีฟส์เต็มปีในปีหน้า ขณะที่ภาระหนี้ของ S ลดลงหลังจากการขาย IPO ของ SHR นำมาชำระคืนหนี้ ทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง และเป็นผลบวกต่อการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานในปี 63

ขณะที่ราคาหุ้นของ S ได้ปรับตัวลดลงมา รับปัจจัยการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ และผลการดำเนินในไตรมาส 3/62 ที่ออกมาไม่ค่อยดีนัก โดยราคาหุ้น S ถือว่ายังมีอัพไซด์จากผลการดำเนินงานในปีหน้าฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับธุรกิจของ S ซึ่งมีทั้งรายได้จากการขายและรายได้ประจำ นับเป็นการกระจายตัวที่ดีของรายได้ รวมไปถึงมีธุรกิจอยู่ในต่างประเทศก็จะเข้ามาเสริมพอร์ตลงทุนด้วย

หุ้น S ช่วงบ่ายอยู่ที่ 2.56 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท หรือ 4.92% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.21%

          โบรกเกอร์                        คำแนะนำ                  ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ทิสโก้                              ซื้อ                         4.90
          ทรีนีตี้                              ซื้อ                         3.42
          โนมูระ พัฒนสิน                       ซื้อ                         3.40

นักวิเคราะห์บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ราคาหุ้น S ปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมากหลังจากประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/62 ออกมาที่ไม่ค่อยโดดเด่นนัก ทำให้ยังมีอัพไซด์ของราคาหุ้น ขณะที่การนำ SHR เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯและนำเงินไปชำระคืนหนี้ ทำให้ภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของ S ลดลง ซึ่งเป็นผลบวกต่อกำไร แต่มองว่าปีนี้ยังคงเป็นปีที่ S เผชิญแรงกดดันหลักจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประทศที่ชะลอตัว กระทบต่อการขายและการโอนของธุรกิจที่อยู่อาศัย

อย่างไรก็ตามมองว่าในปี 63 ธุรกิจที่จะสร้างผลงานให้กับ S ได้อย่างโดดเด่นจะเป็น SHR ที่โครงการ Crossroads มัลดีฟส์จะสร้างรายได้เข้ามาได้เต็มปี และยังมีโรงแรมในเครือ Outtrigger ที่สร้างรายได้เข้ามาต่อเนื่อง ช่วยผลักดันภาพรวมของ S ให้ฟื้นขึ้น ในส่วนของธุรกิจที่อยู่อาศัยจะรับรู้รายได้และกำไรจากโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุน คือ The ESSE สุขุมวิท 36 ที่จะโอนในปี 63 และยังมีโครงการที่ทยอยโอนจากปีนี้ เช่น The ESSE at SINGHA COMPLEX และ Santiburi The Residences ขณะที่บมจ.เนอวานา ไดอิ (NVD) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มที่เน้นการพัฒนาโครงการแนวราบจะมียอดโอนที่กลับมาดีขึ้น จากที่ชะลอตัวในปีนี้ ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานของ S ในปีหน้าจะฟื้นตัวขึ้นและมองว่ากำไรจะเติบโตราว 22%

ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจของ S ในปี 63 จะกลับมาดีขึ้น หลังจากที่ปีนี้ได้รับผลกระทบจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว กระทบต่อการโอนที่อยู่อาศัยของ S และบริษัทลูกอย่าง NVD ให้ชะลอตัว แต่ในปีหน้ามองว่าจะเริ่มเห็นการโอนกลับมาฟื้นตัวขึ้น และมองว่ายังมีปัจจัยหนุนจากธุรกิจโรงแรมของ SHR ที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้น ซึ่งในปี 63 โครงการ Crossroads มัลดีฟส์ 0tรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี ขณะที่ยังมีรายได้ค่าเช่าจากโครงการสิงห์คอมเพล็กซ์ ที่คาดว่าอัตราการเช่าในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นไปกว่า 90%

ขณะที่แนวโน้มค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในปีหน้าจะลดลง จากการนำ SHR เข้าตลาดหุ้น และนำเงินมาชำระคืนหนี้ ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรในปี 63 ของ S ให้ปรับขึ้นได้ราว 20% จากปีนี้ ด้านราคาหุ้นของ S ในปัจจุบันลดลงมาค่อนข้างมาก ทำให้มองอัพไซด์มากขึ้น หากมีปัจจัยบวกต่อผลการดำเนินงานเข้ามาเพิ่มเติม

นักวิเคราะห์บล.ทิสโก้ กล่าวว่า มุมมองธุรกิจของ S ที่มีการกระจายความเสี่ยงมาจากธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์ ไปยังธุรกิจโรงแรม และการขยายไปธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ ทำให้รายได้ที่เข้ามาไม่ได้พึ่งพิงรายได้ที่มาจากในประเทศเท่านั้น แม้ว่าปีนี้ S จะได้รับผลกระทบจากภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ชะลอตัว แต่ก็ยังมีรายได้ประจำจากธุรกิจโรงแรมเข้ามาผลักดันภาพรวมของผลการดำเนินงานได้บ้าง แม้จะยังไม่สามารถชดเชยรายได้ที่มาจากอสังหาริทรัพย์ได้เพียงพอก็ตาม

แต่ในปี 63 คาดว่าจะเห็นผลการดำเนินงานของ S กลับมาฟื้นตัวขึ้นจากการโครงการ Crossroads มัลดีฟส์ ที่จะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี พร้อมทั้งจะมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สุขุมวิท 36 ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนที่จะเริ่มโอน ทำให้ S รับรู้ส่วนแบ่งรายได้และกำไรเข้ามาเสริม ขณะที่ภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง หลังจากนำเงินจากการขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ SHR มาชำระคืนหนี้ ทำให้ภาระหนี้สินลด และมองว่ากำไรในปีหน้าของ S จะเติบโตขึ้นราว 18-20%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ