นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) งวดปี 62/63 (เดือนต.ค.62-ก.ย.63) จะเติบโตมากกว่า 3,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากธุรกิจการขายไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวล ,ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล และธุรกิจเยื่อกระดาษจากชานอ้อย มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ธุรกิจการขายไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวล ในปีหน้าบริษัทฯ จะมีการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าไบโอเพาเวอร์ (RPBP) จ.นครสวรรค์ เพิ่มอีก 13 เมกะวัตต์ (MW) ในช่วงเดือนม.ค.63 ซึ่งจะส่งผลทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็น 160 เมกะวัตต์ ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล มีการเดินเครื่องกำลังการผลิตเต็ม 100% ขณะที่ธุรกิจเยื่อกระดาษจากชานอ้อย ที่ผ่านมาผู้บริโภคก็ให้ความสนใจ เรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมและการลดการตัดไม้ทำลายป่า ทำให้มีความต้องการสินค้าดังกล่าวมากขึ้น
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็มีแผนที่จะต่อยอดธุรกิจเยื่อกระดาษจากชานอ้อย โดยจะจับมือกับผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ของประเทศจีน ดำเนินการผลิตบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย ซึ่งบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 85% ส่วนกลุ่มซัพพลายเออร์ประเทศจีนถือหุ้นในสัดส่วน 15% โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท คาดจะเห็นผลิตภัณฑ์แรกออกมาได้ในช่วงไตรมาส 3/63
ส่วนการลงทุนโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ ร่วมกับ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบมจ.ปตท. (PTT) ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงาน คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้และผลกำไรให้กับกลุ่ม KTIS ได้ในช่วงปลายปี 63 หรือต้นปี 64 เป็นต้นไป
นายณัฎฐปัญญ์ คาดว่าสำหรับรายได้น่าจะเติบโตได้เล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.7-1.8 หมื่นล้านบาท จากงวดปีก่อนที่ทำได้ 1.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจหลัก หรือธุรกิจอ้อยและน้ำตาลทราย น่าจะทรงตัว โดยบริษัทฯคาดมีปริมาณอ้อยเข้าหีบของโรงงานน้ำตาลเกษตรไทย ประมาณ 4.6-5 ล้านตันต่อปี และโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ คาดมีปริมาณอ้อยเข้าหีบอยู่ที่ 1.5-1.8 ล้านตันต่อปี ขณะที่ผลผลิตน้ำตาลโดยรวมของอุตสาหกรรมคาดว่าจะปรับตัวลดลงจากปีนี้ตามปริมาณอ้อยที่ลดลง