นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้น่าจะไม่ปัจจัยที่จะสร้างความกังวลให้กับตลาดเพิ่มเติม หลังไม่มีปัจจัยลบเข้ามา ขณะที่สหรัฐและจีน มีแนวโน้มสูงที่จะสามารถลงนามข้อตกลงทางการค้าระหว่างกันได้ในช่วงต้นปีหน้า และเม็ดเงิน LTF น่าจะเข้ามาอย่างชัดเจนในช่วงสัปดาห์เกือบจะสุดท้ายของปีนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่มีปัจจัยลบเข้าสู่ตลาด ส่งผลเอื้อต่อการทำ Window Dressing ในช่วงสัปดาห์นี้
นอกจากนี้แรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่มีออกมามากก่อนหน้านี้ น่าจะเบาบางลงในช่วงใกล้วันหยุดเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ ซึ่งน่าจะทำให้ภาพรวมของตลาดทรงตัวถึงปรับตัวขึ้นได้
พร้อมมองแนวรับที่ 1,565 จุด แนวต้านที่ 1,580 และ 1,600 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,455.09 จุด เพิ่มขึ้น 78.13 จุด ( +0.28%) , ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,221.22 จุด เพิ่มขึ้น 15.85 จุด (+0.49%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,924.96 จุด เพิ่มขึ้น 37.74 จุด (+0.42%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 104.66 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.90 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 153.27 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 10.06 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.04 จุด,ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียลดลง 3.73 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 27.16 จุด
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,386.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ธ.ค.62) ปิดที่ระดับ 60.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 74 เซนต์ หรือ 1.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ธ.ค.) อยู่ที่ 0.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.20 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ ตลาดรอติดตามตัวเลขส่งออกไทย-ปัจจัยใหม่
- สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เตรียมออกใบอนุญาตผู้ดำเนินการเดินอากาศ (เอโอซี) ให้สายการบินร่วมทุนต่างชาติจำนวน 2 ราย หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคมออกใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศใหม่ (เอโอแอล) ไปแล้ว ประกอบด้วยสายการบิน ไทย อีสตาร์เจ็ท สายการบินร่วมทุนระหว่างไทย-เกาหลีใต้ และสายการบิน ไทย ซัมเมอร์ เป็นการร่วมทุนระหว่างไทย-จีน
- สินค้าจีนทะลักอีคอมเมิร์ซไทย หลังยักษ์จีนครองส่วนแบ่งตลาดเกิน 80% ชี้นโยบายรัฐเอื้อ หวังดึงเงินลงทุน เปิดทางจีนตั้งฐานโลจิสติกส์ กูรูคาดไทยสูญ "หลายหมื่นล้าน" ด้านสมาคมอีคอมเมิร์ซเร่งผู้ประกอบการไทยปรับตัว จี้รัฐออกมาตรการคุมเข้มเก็บภาษีสกัดสินค้าจีน หวั่นระยะยาวกระทบภาคผลิต-ค้าปลีกทั้งระบบ
- ค้าปลีกพลิกกลยุทธ์ลุยออมนิแชนแนล บุกหนัก"ออนไลน์"เสริมแกร่งออฟไลน์ รับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่นิยมสะดวก ซื้อทุกช่องทาง ทุกที่ทุกเวลา ชี้เทรนด์ตลาดเปลี่ยนเร็ว ยอดขายออนไลน์โตก้าวกระโดดจากสัดส่วน 1-5% แตะ 15% ใน 3 ปี ด้าน"ธุรกิจบัตรเครดิต" เผยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพื่อช็อปปิ้งออนไลน์โตกระฉูดกว่า 25-50% พีคสุดไตรมาส 4 ของทุกปี
- พรรคพลังประชารัฐ ชนะเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ด้านประธาน กกต.บอกการเลือกตั้งทุกหน่วยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้จะมีเรื่องร้องเรียนบ้าง แต่ได้สั่งให้ตรวจสอบแล้ว ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ลุ้นระทึกศาลรัฐธรรมนูญเตรียมนัดอ่านคำวินิจฉัยในคดีกล่าวหาเป็นปฏิปักษ์และล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ "อิลลูมินาติ" ที่ให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ หลังมีคำสั่งไม่รับคำร้องของพรรคซึ่งเป็นผู้ถูกร้องที่ขอให้เปิดไต่สวนพยาน
*หุ้นเด่นวันนี้
- EKH (เคจีไอฯ) แนะนำ "Outperform" ให้ราคาเป้าหมาย 8.90 บาท/หุ้น มองบวกกับศักยภาพการเติบโตในปี 63 จากโมเมนตัมที่แข็งแกร่งของบริการ IVF และ capacity ที่เพิ่มขึ้นของศูนย์กุมารเวช ช่วยหนุนการเติบโตของทั้งรายได้และกำไร สำหรับในระยะต่อไป คาดแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากการปรับปรุงโรงพยาบาล (ศูนย์ฟอกเลือด และ ENT) และการขยายกิจการ (EKH Nursing Home) โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 161 ล้านบาท (+37.4% YoY) และปี 63F ไว้ที่ 184 ล้านบาท (+14.3% YoY)
- KTB (คิงส์ฟอร์ด) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 18.60 บาท มองการประกาศลดสาขาปีหน้า 70 แห่ง และวางแผนจะลดพนักงานลง 30% ภายใน 3 ปี โดยไม่ปลดคนเก่าออกแต่จะไม่จ้างคนใหม่เพิ่ม คาดช่วยประหยัดต้นทุนสาขาแล้วมุ่งเน้นการลงทุนพัฒนาระบบ Digital Banking ให้ดียิ่งขึ้น มองเป็นบวกในการปรับตัวให้สอดคล้องไปกับธุรกิจธนาคารซึ่งนับวันจะเข้าสู่การให้บริการบน Digital Platform มากขึ้น คาดการปล่อยสินเชื่อจะกลับมาเติบโตโดดเด่นในช่วงต้นปีหน้าหลังงบประมาณภาครัฐจะสามารถเบิกจ่ายในเดือนก.พ.63 ทางด้าน valuation ค่อนข้างถูก ราคามี upside 13% และ dividend yield ราว 4%
- EA (เอเอสแอล) แนะ"Trading" เก็งกำไรระยะสั้นตอบรับปัจจัยบวก จากแผนเร่งขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครบ 1,000 แห่งปีหน้า จากปัจจุบันมี 500 แห่ง หลังภาครัฐเร่งรัดแผนส่งเสริมรถยนต์ EV ซึ่งจะเป็นบวกต่อผลประกอบการ อีกทั้งการเร่งรัดแผนส่งเสริมรถยนต์ EV จะเป็นการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้เอกชนเข้ามาลงทุนในสถานีประจุไฟฟ้า ส่งผลทำให้ EA เป็นผู้นำในด้านรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นไปตามแผน PDP2018 และจะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาล