นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ รองประธานกรรมการ บมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดบริการโรงพยาบาลแห่งใหม่ภายใต้ชื่อ ‘โรงพยาบาลธนบุรี ทุ่งสง’ในเดือน พ.ย.62 เพื่อขยายฐานคนไข้ในจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงในพื้นที่ภาคใต้ ตลอดจนเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงที่ต้องการเข้าถึงบริการทางการแพทย์
"หลังเปิดให้บริการ รพ.ธนบุรี ทุ่งสง ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาถือว่ามีผลตอบรับที่ดี มีปริมาณคนไข้เข้าใช้บริการในช่วงแรกในระดับที่น่าพอใจ และจะเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีในปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมรายได้ของ THG ในปีหน้า โดยคาดว่า รพ.ธนบุรี ทุ่งสง จะมี Ebitda (กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย) ถึงจุดคุ้มทุนภายใน ปี 2020 " นายแพทย์ธนาธิป กล่าว
โรงพยาบาลดังกล่าวนับเป็นแห่งที่ 2 ในพื้นที่ภาคใต้ของ THG ต่อจากโรงพยาบาลราษฎร์ยินดี จังหวัดสงขลา โดยเป็นโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิที่มีความสามารถรักษาโรคที่มีความซับซ้อน ในช่วงแรกมีเตียงที่จดทะเบียนให้บริการรวม 50 เตียง และในอนาคตสามารถขยายกำลังการให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 200 เตียง มีห้องตรวจ 12 ห้อง และห้องผ่าตัด 3 ห้อง
ปัจจุบันเปิดให้บริการแผนกสูตินารีเวช ศัลยกรรม อายุรกรรมและกุมารเวช ส่วนในอนาคตมีแผนงานพัฒนาขีดความสามารถให้บริการแก่คนไข้เพิ่มเติม ได้แก่ การรักษาโรคกระดูกและสมอง รวมถึงสร้างจุดแข็งแก่แผนกฉุกเฉิน เพื่อยกระดับเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ประชาชนในพื้นที่ให้ความมั่นใจและเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
รองประธานกรรมการ THG กล่าวอีกว่า ภาพรวมการดำเนินงานของโรงพยาบาลใหม่แห่งอื่นๆ สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในระดับที่น่าพอใจ โดยโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ศูนย์สุขภาพระดับ 6 ดาว ผ่านจุดคุ้มทุนและเริ่มทำกำไรแล้วตั้งแต่ไตรมาส 3/62
ส่วนโรงพยาบาล Ar Yu International Hospital ในเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาด 200 เตียงที่มีมาตรฐานระดับสากล มี Ebitda ถึงจุดคุ้มทุนแล้ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้าย ที่คาดว่าจะรักษาการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15%
นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 63 บริษัทมีแผนเปิดให้บริการใหม่อีก 1 แห่ง ภายใต้ชื่อ ‘โรงพยาบาลธนบุรี บูรณา’ ตั้งอยู่ภายในโครงการ Jin Wellbeing County รังสิต โดยวางคอนเซปต์เป็นโรงพยาบาลเพื่อผู้สูงอายุ สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรในประเทศไทยที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงมีความต้องการบริการทางการแพทย์และการดูแลรักษาสุขภาพมากยิ่งขึ้น