บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL)เตรียมปรับลดคาดการณ์ปริมาณจราจรในปีนี้ใหม่ โดยมองว่าจะลดลง 2-3% จากปีก่อนที่เฉลี่ย 9.84 แสนคัน/วัน เนื่องจากรายได้ของบริษัทจะได้รับผลกระทบจากการเปิดใช้ทางพิเศษสายบางพลี - สุขสวัสดิ์ (วงแหวนใต้)โดยไม่เก็บค่าผ่านทาง อาจทำให้รายได้ปีนี้ปรับลดลงจากเดิมคาดเติบโต 2-3% ส่วนมีแผนออกหุ้นกู้จำนวน 7.5 พันล้านบาทคาดทำได้ในช่วงครึ่งปีหลัง รอทิศทางตลาดดอกเบี้ยนิ่งก่อน
"ปริมาณจรจาจร ในปีนี้ไม่ตั้งว่าเพิ่มเลย น่าจะลด เป็นปีแรกที่ลดจากผลกระทบจากวงแหวนใต้ คงจะลดสัก 2-3% ซึ่งผลกระทบจากวงแหวนใต้มีมากกว่านั้น แต่เรามี growth ปกติอยู่ 2-3% ผลกระทบครั้งนี้รุนแรงเหมือนกัน แต่จะกระทบกับทางด่วนขั้นที่ 1 ซึ่งเราได้ส่วนแบ่งรายได้ลดลงไป " นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ BECL กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม ในปลายปีนี้วงแหวนใต้จะเริ่มเก็บค่าบริการ ก็น่าจะทำให้ปัญหานี้ลดลงไป
ในปี 50 BECL มีรายได้รวม 7.3 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท เทียบปี 49 มีรายได้ 6.9 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาท โดยในปี 50 ปริมาณจรจาจรเฉลี่ย 9.84 แสนคัน/วัน เพิ่มขึ้น 4.21% และคาดว่าปี 51 ปริมาณจราจรจะโต 3%
นางพเยาว์ กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมจะยื่นขอปรับขึ้นค่าผ่านทางด่วนกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) ภายในเดือน มี.ค.นี้ โดยขณะนี้รอตัวเลขดัชนีผู้บริโภค(CPI) ล่าสุด โดยจะนำข้อมูล CPI เฉลี่ยในช่วง 5 ปีย้อนหลัง(ก.พ.46-ก.พ.51) เป็นหลักในการพิจารณาปรับขึ้นค่าผ่านทาง ซึ่งหากได้รับอนุมัติก็จะปรับขึ้นในวันที่ 1 ก.ย.นี้ โดยก่อนหน้านี้คาดว่าจะขอขึ้นค่าผ่านทางเป็น 55 บาทจากปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 40 บาทสำหรับรถยนต์ 4 ล้อ
"ถ้าได้ปรับค่าผ่านทาง ก็จะสามารถมาชดเชยกันได้ แต่ไม่รู้จะขึ้นได้เท่าไร เพราะผลกระทบจากส่วนนั้นก็แรงเหมือนกัน รายได้ก็พอจะบรรเทาได้ เพราะปีนี้ถ้าได้ปรับก็แค่ 4 เดือน (ก.ย.-ธ.ค.)" นางพเยาว์ กล่าว
สำหรับเรื่องการออกหุ้นกู้ ในปีนี้ จำนวน 7.5 พันล้านบาท กรรมการผู้จัดการ BECL คาดว่าจะเสนอขายในช่วงครึ่งหลังปี 51 เพื่อรอจังหวะดอกเบี้ยนิ่งเสียก่อน หลังแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
"ช่วงนี้ดอกเบี้ยทิศทางยังไม่แน่นอน คงยังขอให้ทิศทางดอกเบี้ยแน่นอนก่อนแล้วถึงจะออก คงจะไม่ใช่ครึ่งปีแรก แต่ถ้าครึ่งปีหลัง แนวโน้มดอกเบี้ยยังไม่ส่งสัญญาณเป็นขาขึ้น แล้วยังคงระดับต่ำไปเรื่อยๆ ก็ต้องมาพิจารณาใหม่ เป็นเรื่องกระแสโลก" นางพเยาว์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดจะนำเสนอขายทั้งล็อต 7.5 พันล้านบาท เพราะครั้งที่แล้ว มีความต้องการเกินกว่าจำนวนหุ้นกู้ที่ออกไป 7.5 พันล้านบาท โดยบริษัทต้องการออกหู้นกู้ระยะยาวอายุ 4 -5 ปี ขณะที่ความต้องการในตลาดส่วนใหญ่จะเป็นหู้นกู้ อายุ 3 ปี มากกว่า ซึ่งคงต้องหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินอีกครั้ง
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--