หุ้น BEM เช้านี้ร่วง 1.8% มาที่ 10.90 บาท หรือลดลง 0.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 491.22 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.17 น. ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 11.10 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 11.20 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 10.80 บาท
วานนี้ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาข้อพิพาทสัมปทานทางด่วนระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) เปิดเผยว่า คณะทำงานฯ ได้ข้อยุติข้อพิพาทจากการเจรจากับ BEM โดยให้มีการต่อสัญญาสัมปทางทางด่วน เป็นระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน แลกกับข้อพิพาททั้งหมด 17 คดีที่มีมูลค่าข้อพิพาท 1.37 แสนล้านบาท ซึ่งได้เจรจายุติที่ 58,873 ล้านบาท โดยจะไม่มีการก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 หรือ Double Deck เพราะไม่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทจึงจะนำเอามาเจรจาร่วมไม่ได้ โดยจะนำเสนอผลการเจรจาดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 24 ธ.ค.นี้
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เงื่อนไขการต่ออายุสัมปทานทางด่วนเพียง 15 ปี 8 เดือน ต่ำกว่ากว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะได้ต่อสัญญาทางด่วน 30 ปี นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขพิเศษ คือ ขอให้ BEM งดเว้นการจัดเก็บค่าผ่านทางในวันหยุดนักขัตฤกษ์ตลอดอายุสัญญาสัมปทาน ซึ่งจะมีประมาณ 20 วันต่อปี และรวมทั้งสิ้น 300 วัน ส่งผลให้รายได้ของ BEM จะหายไปประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ หาก ครม.เห็นชอบในวันนี้ เชื่อว่าประเด็นเงื่อนไขข้อยุติข้อพิพาทจะส่งผลเชิงลบต่อราคาหุ้นของ BEM ในระยะสั้น โดยฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสม กรณีได้รับการต่ออายุสัญญาสัมทานทางด่วน 15 ปี เท่ากับ 10.90 บาท ลดลงจากเดิมที่ประเมินมูลค่าโดยให้สมมติฐานต่ออายุสัญญาสัมปทานทางด่วน 30 ปี ที่ 11.80 บาท
อย่างไรก็ตาม ยังคงคำแนะนำลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว โดยคาดว่ากำไรปกติปี 63 จะเติบโตอย่างโดดเด่น 39.5% YoY จากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ในเดือน มี.ค.63 ทำให้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินให้บริการครบลูปอย่างเต็มรูปแบบ และค่าตัดจำหน่ายทางด่วนที่ลดลง รวมทั้ง Upside เพิ่มเติมจากโครงการใหม่ที่จะเข้าประมูลในปีหน้า ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย โดยมองว่าในภาวะเศรษฐกิจที่โตต่ำ BEM เป็นหนึ่งในหุ้น Defensive ที่น่าสนใจ