นายวิชญ์ สุวรรณศรี รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจในปี 63 บริษัทจะเร่งสร้างผลประกอบการเพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหากเทียบกับปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการสหกรณ์ฯ ทั้ง 3 โครงการ มีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 7.95 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตน้ำประปาใน สปป.ลาว ซึ่งได้ดำเนินการซื้อขายหุ้นเสร็จสิ้นในปีที่ผ่านมา
"ในปี 62 บริษัทฯพอใจกับผลงานถือว่าประสบความสำเร็จ จากการทยอย COD โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ในโครงการสหกรณ์ฯ ทั้ง 3 โครงการ และบริษัทยังมีโครงการผลิตน้ำประปาใน สปป.ลาว ซึ่งโครงการนี้บริษัทฯผลิตน้ำประปาในเชิงพาณิชย์แล้ว เมื่อเดือน มิ.ย.62 เพื่อจำหน่ายให้กับการประปานครหลวงของลาว โดยมีระยะเวลาสัมปทาน 50 ปี และเป็นโครงการที่บริษัทฯจะรับรู้รายได้ทันที ทำให้มีรายได้ประจำเกิดขึ้น อีกทั้งเป็นธุรกิจใหม่ของ UPA นอกเหนือธุรกิจด้านพลังงาน ซึ่งจะเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจได้ในอนาคต"นายวิชญ์ กล่าว
นายวิชญ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเจรจาการเข้าซื้อหรือร่วมลงทุน (M&A) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศ 2-3 โครงการ โดยจะอยู่ในแถบประเทศเพื่อนบ้านกลุ่ม CLMV คาดว่าจะเห็นความชัดเจนราว 1 ในโครงการในเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ในไตรมาส 1/63 โดยอาจเป็นการเข้าร่วมทุน ขณะที่มีโครงการในประเทศอยู่ระหว่างเจรจาอีก 1-2 โครงการ โดยจะเป็นการลงทุนลักษณะการเข้าซื้อกิจการ (เทคโอเวอร์) นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้ามองหาโอกาสในการลงทุนด้านธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนใหม่ทั้งใน และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง