บลจ.ทิสโก้ ขาย FIF กองใหม่ 6-14 มี.ค.ตั้งเป้าผลตอบแทน 15% ใน 1 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 4, 2008 14:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้ จะออขาย"กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15%" ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งและจัดการกองทุนรวม จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมีกำหนดเสนอขายครั้งเดียวประมาณวันที่ 6 -14 มีนาคม 2551 นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 20,000 บาท 
กองทุนรวมต่างประเทศกองใหม่ดังกล่าวเน้นลงทุนในหุ้นของกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น ระยะเวลาลงทุน 1 ปี โดยกองทุนรวมต่างประเทศที่เป็นกองทุนหลัก คือ "กองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific Ex Japan" ที่มีสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ(Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง และมีนโยบายการลงทุนในหุ้นเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI AC Asia-Pacific Ex Japan
ทั้งนี้ "กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15%" จะเลิกดำเนินการและคืนเงินให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนเมื่อสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 15% ภายในระยะเวลา 1 ปี หรืออาจไม่ต้องรอครบ 1 ปี หากหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตั้งแต่ร้อยละ 15 ของมูลค่าที่ตราไว้ต่อหน่วย (10.00 บาท) เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน เงินทุนของโครงการที่จดทะเบียนไว้คือ 1,400 ล้านบาท อายุโครงการ 1 ปี
"คิดว่าผู้ลงทุนส่วนมากทราบดีว่าที่ผ่านมาตลาดทุนในเอเชียแปซิฟิกได้รับผลกระทบที่ทำให้เกิดความผันผวนในระยะสั้นๆ แต่ในระยะปานกลางตลาดทุนในเอเชียแปซิฟิกก็ถือว่ายังคงแข็งแกร่งอยู่ และจะมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มนี้ยังมีการขยายตัวในระดับที่สูง โดย IMF ยังคงเชื่อมั่นว่าจีนและอินเดียจะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปี 2551 และคาดการณ์ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคนี้จะเติบโตมากกว่า 7% ในขณะที่อเมริกาและยุโรปเติบโตเพียง 2% และ 2.6%"
นายธีรนาถ กล่าวต่อว่า จากบทเรียนในปีที่ผ่านมา พบว่าความผันผวนของตลาดทำให้เมื่อราคาหุ้นขึ้นแล้วผู้ลงทุนไม่ได้ขาย จะทำให้เสียโอกาสในการทำกำไรไป ดังนั้นจึงเชื่อว่ากองทุนนี้จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ กล่าวคือ หากราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในระดับที่น่าพอใจก็ควรขายเพื่อทำกำไรไปเลย ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนและนำกำไรมาเก็บไว้ก่อน
"ในมุมมองของเราการที่ดัชนี MSCI AC Asia-Pacific Ex Japan จะปรับตัวขึ้นร้อยละ15 ใน 1 ปีมีความเป็นไปได้ที่สูง เพราะในปีที่ผ่านมาดัชนีมีการแกว่งตัวถึงร้อยละ 37 ดังนั้น สำหรับผู้ลงทุนที่มุ่งโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี และสามารถมองข้ามความผันผวนในระยะสั้นๆ อันเนื่องมาจากสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา การหันมาลงทุนในตลาดทุนเอเชียแปซิฟิกจึงน่าจะเป็นคำตอบที่ดี"นายธีรนาถ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ