หุ้น CPALL ร่วง 1.34% มาที่ 73.50 บาท หรือลดลง 1 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 432.13 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.03 น. ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 74 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 74 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 73 บาท
หุ้น BJC ปรับลง 1.73% มาที่ 42.50 บาท หรือลดลง 0.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 40.52 ล้านบาท ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 43.25 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 43.25 บาท และราคาทำระดับต่ำสุดที่ 42.25 บาท ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.18%
นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ราคาหุ้นบมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) และบมจ. เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ปรับตัวลดลง คาดว่าเกิดจากกรณีสำนักข่าวต่างประเทศแห่งหนึ่งรายงานกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย 3 กลุ่มคาดจะซื้อกิจการของบริษัท เทสโก้ โลตัส ในไทยหลังจากเครือข่ายค้าปลีกยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษรายนี้ กำลังพิจารณาจะขายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อหันไปเน้นดำเนินธุรกิจในอังกฤษแทน ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทของไทยทั้ง 3 แห่งที่คาดจะซื้อกิจการเทสโก้ โลตัสในไทย ได้แก่ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ , บริษัท เซ็นทรัล กรุ๊ป ของตระกูลจิราธิวัฒน์ และบริษัท ทีซีซี กรุ๊ปของตระกูลสิริวัฒนภักดี
"ราคาหุ้น CPALL และ BJC ปรับตัวลดลง แต่ยังไม่ได้มากนักในเช้านี้ แต่ข่าวที่น่าจะกระทบคงเป็นข่าวเดียวจากกรณีสำนักข่าวต่างประเทศคาดการณ์ว่ากลุ่มตระกูลเจียรวนนท์ และตระกูลสิริวัฒนภักดี ซึ่งเป็นเจ้าของหุ้น CPALL และ BJC สนใจเข้าซื้อกิจการเทสโก้ โลตัสในเมืองไทย ซึ่งนักลงทุนคงมีความกังวลว่าต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง อาจจะกระทบงบการเงิน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามต่อไปเพราะว่าข่าวนี้ยังเป็นแค่คาดการณ์เท่านั้น ยังไม่มีความชัดเจนและรายงานข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ"นางสาววิชชุดา กล่าว
บทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า ปรับคำแนะนำของกลุ่มค้าปลีก Commerce เป็น "เท่ากับตลาด" จากเดิม มากกว่าตลาด เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับกำลังซื้อในประเทศที่ยังคงมีความอ่อนไหว เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ที่ยังรอการฟื้นตัวในระยะยาว ทั้งนี้ คาดหวังการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจจากนโยบายภาครัฐที่ชัดเจน และบรรยากาศสงครามการค้าที่เริ่มคลี่คลาย ขณะที่ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลและผลประกอบการไตรมาส 4/62 คาดเห็นการเติบโตรายไตรมาส แนะนำทยอยสะสม CPALL และ BJC