นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า วันนี้แนวโน้มตลาดน่าจะไต่ขึ้นได้ต่อ คาดทะลุระดับ 1,600 จุด รับปัจจัยต่างประเทศ และราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น โดยดัชนีดาวน์โจนส์ทำนิวไฮ ขณะที่หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น 1% เนื่องจากจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน (RRR) ลง 0.50% และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนในวันที่ 15 ม.ค.63
ส่วนปัจจัยในประเทศ ค่าเงินบาททะลุ 30 บาท/ดอลลาร์ ทำให้คลายกังวลเงินบาทแข็งค่า หลังจากสิ้นปี 62 ที่แข็งค่าขึ้นซึ่งทำให้มีความกังวลเรื่องการส่งออก
ให้แนวรับ 1,590 จุด บวกลบ แนวต้านให้ไว้ที่ 1,610 และ 1,620 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 ม.ค.63.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,868.80 จุด เพิ่มขึ้น 330.36 จุด (+1.16%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,257.85 จุด เพิ่มขึ้น 27.07 จุด (+0.84%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,092.19 จุด เพิ่มขึ้น 119.58 จุด (+1.33%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้น 3.82 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 66.96 จุด ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 284.84 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 17.41 จุด,ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.27 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.81 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 4.83 จุด
- ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ (3 ม.ค.) เนื่องในวันหยุด (Market Holiday)
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ม.ค.63) 1,595.82 จุด เพิ่มขึ้น 15.98 จุด (+1.01%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 24.11 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ม.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ม.ค.63) ปิดที่ระดับ 61.18 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ม.ค.) อยู่ที่ 0.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.14 ทรงตัวจากวานนี้ แม้ดอลล์แข็งค่ารับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี มองกรอบวันนี้ 30.05-30.20
- เงินบาทเปิดศักราชใหม่ปี 63 อ่อนค่าแตะระดับ 30.15 ต่อดอลลาร์ หลัง "แบงก์ชาติ" เข้าดูแลใกล้ชิดตลอดทั้งวัน ด้านนายกฯ ย้ำรัฐบาล-ธปท.จับมือเฝ้าระวังบาทแข็งค่า พร้อมมอบหมาย "จุรินทร์" ดันส่งออกไทยปีนี้ ขณะ "พาณิชย์" คาดส่งออก ปีนี้โตสุดที่ 3% เตรียมถกเอกชน-ทูตพาณิชย์ทั่วโลกก่อนเคาะเป้าหมายอย่างเป็นทางการ
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าหลุดกรอบ 30 บาทต่อดอลลาร์ ว่า ที่ผ่านมาได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินร่วมกันทั้งจากกระทรวงการคลัง ธปท. และหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด และให้หามาตรการเสริมอื่นๆ มาช่วยดูแล เพราะมาตรการที่ผ่านมามีทั้งได้ผลและไม่ได้ผล
- ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนธ.ค. 62 อยู่ที่ระดับ 45.1 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ภาคการผลิตอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 ระบุยังไม่เห็นความชัดเจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่เงินเฟ้อเดือนธ.ค.สวนปรับขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 2
- คณะกรรมการ SEA แจงเหตุเลื่อนรายงานผลการศึกษาโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้ เบื้องต้นข้อมูลยังไม่สมบูรณ์ มั่นใจรู้ผลพื้นที่ภูเก็ต-สงขลา ชัดเจนภายในเม.ย.นี้
- จับตาประชุมร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย 2563 วาระ 2-3 สัปดาห์หน้า เชื่อรัฐเร่งเบิกจ่าย คิกออฟกุมภาพันธ์ ดันรับเหมาก่อสร้างเทิร์นเด่นชู STEC, SEAFCO, PYLON ขณะที่กลุ่มวางระบบรับด้วย จากนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เงินจ่อพรึบ
- กสทช.ประกาศเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมประมูล 5G ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.-3 ก.พ. 63 ก่อนเปิดให้ยื่นคำขอร่วมประมูลวันที่ 4 ก.พ. 63 แจ้งรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติวันที่ 12 ก.พ. 63 และจัดประมูลวันที่ 16 ก.พ. 63
*หุ้นเด่นวันนี้
- BBL (ฟินันเซียไซรัส) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 187 บาท ราคาหุ้นปรับขึ้นมา 8% จากจุดต่ำเมื่อ 16 ธ.ค. แต่ยังมี Valuations ที่ถูกมาก PBV ปี 2020 อยู่ที่ 0.7 เท่า PE ที่ 9.2 เท่า เชื่อว่าการซื้อ Permata เป็นบวกต่อ BBL เพราะเป็นการหาโอกาสเติบโตแบบ Inorganic ที่ไม่สามารถหาได้ในไทยซึ่งมี GDP growth 2-3% สินเชื่อโต 4-5% ส่วน CAR ratio หลังซื้อกิจการคาดว่าอยู่ที่ 18% ลดจากปัจจุบันที่ 20% แต่ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ไม่กระทบการปล่อยสินเชื่อในประเทศ และการจ่ายเงินปันผล ทั้งนี้ เราคาด BBL จะจ่ายปันผลงวด 2H19 ที่ 4.50 บาท (yield 2.8%) XD ราวปลาย เม.ย. และจ่ายเงินราวต้น พ.ค.
- TVO (ยูโอบีเคย์เฮียน) แนะ"เก็งกำไร"ราคาเป้าหมาย 30 บาท ราคาน้ำมันถั่วเหลืองปรับตัวขึ้นผ่านแนวต้านสำคัญ การบรรลุข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน ส่งผลดีต่อราคาถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ TVO
- SYNTEC (เอเซียพลัส) แนะ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 2.30 บาท แนวโน้มผลประกอบการจากธุรกิจหลักในงวด 4Q62 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีจาก Momentum การรับรู้รายได้งานก่อสร้างที่มีต่อเนื่องมาตั้งแต่งวด 3Q62 แม้จะได้รับผลกระทบจากวันหยุดในเดือนธันวาคม แต่เชื่อรายได้จากธุรกิจก่อสร้างน่าจะแตะระดับ 2 พันล้านบาท ส่วนธุรกิจโรงแรมและ Service Apartment ทำได้ดีกวา 3Q62 ซึ่งถือเป็น low Season ของปี ด้านอัตรากำไรไม่ได้มีประเด็นน่ากังวล โดยไตรมาสนี้ SYNTEC จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการชนะคดีฟ้องร้องจำนวน 64.96 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มาตรฐานบัญชี TFRS9 เรื่องเครื่องมือทางการเงิน ที่มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค. 63 อาจทำให้ SYNTEC มีการตั้งสำรองคาเผื่อหนี้สงสัยจะสูญบางส่วนในงวด 4Q62 ตามหลักอนุรักษ์นิยมสำหรับลูกหหี้ค้างชำระนานที่ผู้บริหารประเมินแล้วว่ามีโอกาสนำไปสู่การฟ้องร้องเกิดขึ้นในอนาคต