"สาเหตุสำคัญที่บริษัทมุ่งสู่การก้าวขึ้นเป็นบริษัทพลังงานเต็มรูปแบบ เนื่องจากเล็งเห็นว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่จะสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอและมีความมั่นคงในระยะยาว ในขณะที่ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน พบว่าสร้างอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนสูง อีกทั้ง รูปแบบโมเดลธุรกิจส่งผลให้ทั้งบริษัท และลูกค้าต่างฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ ข้อสำคัญเป็นธุรกิจที่ยังไร้คู่แข่ง เนื่องจากเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่บริษัทได้คิดค้นขึ้นใหม่ โดยได้รับการจดทะเบียนคุ้มครองสิทธิ์จาก กรมทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย"นายสิทธิชัย กล่าว
นายสิทธิชัย กล่าวว่า ธุรกิจข้างต้นจะมีส่วนช่วยเสริมการเติบโตของบริษัทในอนาคต จากปัจจุบันธุรกิจสถานีแก๊สและน้ำมันยังคงสร้างรายได้หลัก ขณะที่ธุรกิจกำจัดขยะนั้นจะเริ่มเห็นผลบวกเต็มปีตั้งแต่ปีนี้ ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยบวกสนับสนุนผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจากปี 62 ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 1,300 ล้านบาท หรือเติบโตเกิน 15 % และ ในปี 62 เป็นปีแรกที่ผลประกอบการพลิกมีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี
สำหรับผลประกอบการในปี 63 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จะสามารถรักษาอัตราการเติบโตเกินระดับ 15% คาดว่าธุรกิจกลุ่มสถานีแก๊ส ยังคงสร้างรายได้หลักในสัดส่วน 40% ธุรกิจสื่อสาร 25% ธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรม 15% ธุรกิจพลังงานทดแทน 15% และธุรกิจอื่น ๆ 5%
พร้อมกันนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างพิจารณาหาแนวทางเหมาะสมในการล้างขาดทุนสะสมที่มีจำนวน 1,256 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทฯ กลับมามีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลคืนให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป