(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ตามตลาดตปท.หลังตอบรับข่าวร้ายไปมากแล้ว

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 7, 2020 09:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ได้ จากโมเมนตัมตลาดสหรัฐฯที่เป็นบวก โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มไฮเทคที่ปรับตัวขึ้นไป และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวในแดนบวก ซึ่งก็มองเป็นการเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์

ส่วนบ้านเราดัชนีฯหลุด 1,580 จุด ด้วยวอลุ่มเทรดที่ค่อนข้างมาก อีกทั้งมีการเปิด Short มาก ดังนั้น ตลาดฯจึงไม่น่าจะไปไหนได้ไกล แต่ตลาดฯก็รับข่าวร้ายไปมากแล้ว ทั้งเรื่องทองคำ และราคาน้ำมัน และจากนี้ไปอาจจะต้องหันมามองข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่จะมีการเซ็นสัญญาณกัน

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และโรคระบาดใหม่ในจีน ส่วนบ้านเราก็ให้รอติดตามงบประมาณ ปี 63 ที่จะเข้าสภาฯในวันที่ 8 ม.ค.นี้

พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ม.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,703.38 จุด เพิ่มขึ้น 68.50 จุด (+0.24%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,246.28 จุด เพิ่มขึ้น 11.43 จุด (+0.35%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,071.46 จุด เพิ่มขึ้น 50.70 จุด (+0.56%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 126.49 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 115.26 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 11.53 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 8.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 17.37 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.08 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.20 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 10.55 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ม.ค.63) 1,568.50 จุด ลดลง 26.47 จุด (-1.66%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 916.94 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ม.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ม.ค.63) ปิดที่ระดับ 63.27 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ม.ค.) อยู่ที่ 0.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.13/17 ทรงตัวจากวานนี้ ตลาดรอความชัดเจนสงครามการค้า-Brexit-สถานการณ์ตะวันออกกลาง
  • ราคาน้ำมันในตลาดโลก สูงขึ้นต่อเนื่อง "สนธิรัตน์" เปิดวอร์รูมเกาะติดสถานการณ์สหรัฐ-อิหร่าน จับตาราคาน้ำมันดิบวันต่อวัน ลั่นทะลุ 80 ดอลลาร์ คลอดมาตรการดูแลราคา เผยกองทุนน้ำมันตุน 4 หมื่นล้านบาท รองรับชี้มีสต็อกพอใช้ในประเทศ 50 วัน "บินไทย" จ่อทบทวนต้นทุนน้ำมันปีนี้ใหม่
  • นายกฯ กำชับ "ฝ่ายความมั่นคง-กระทรวงการต่างประเทศ" จับตาสถานการณ์ "สหรัฐ-อิหร่าน" ห่วงกระทบเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่น ราคาพลังงาน ด้าน "สมคิด" มั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจไทยรับมือได้ เชื่อเงินนอกไหลเข้าไทย หากสถานการณ์วุ่นวาย ห่วงกระทบบาทแข็ง ด้าน "อุตตม" สั่งทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมมาตรการดูแลหากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบ
  • "กรมควบคุมโรค" ยกระดับมาตรการเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบ ขั้นที่ 2 สร้างความมั่นใจ ด้าน "สธ." ชี้ผลตรวจยัน 4 ผู้ป่วยเฝ้าระวัง ไม่ติดเชื้อไวรัสจีน "อนุทิน" มั่นใจมาตรการไทยพร้อมสกัดโรค ขณะ "แอตต้า" ชี้ ยังไม่กระทบท่องเที่ยวช่วงตรุษจีน อย่าตระหนกเกินเหตุ เหตุ "ฮู" ยังไม่ประกาศห้ามคนจีนเดินทางนอกประเทศ ขณะ ทอท.เข้ม คัดกรอง สนามบิน
  • จับตาทองคำไทยขึ้นวันเดียว 350 บาท รับความเสี่ยงพิพาทสหรัฐ-อิหร่าน กรุงไทยแนะเกาะติดค่าเงินเอเชีย-บาท เปิดสัปดาห์แข็งเล็กน้อย 30.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ กรอบตลอดสัปดาห์ 30.00-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หุ้นเคลื่อนไหวแดนลบ ปิดตลาดปรับลดลง 26.47 จุด หรือ 1.66%
  • อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยการติดตามสถานการณ์การส่งออกของไทยในช่วง 11 เดือนแรก (มกราคม-พฤศจิกายน) ของปี 62 พบว่าเอฟทีเอเป็นปัจจัยสำคัญสนับสนุนมูลค่าส่งออกสินค้าไก่ของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยส่งออกสินค้าไก่สู่ตลาดโลกมูลค่า 3,116 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วง 11 เดือนแรกของปี 61 คิดเป็น 8.2% โดยเป็นการส่งออกไปยังประเทศคู่เอฟทีเอ 2,237 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 72% ของการส่งออกสินค้าไก่ของไทยทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 9% ตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัว อาทิ จีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง ญี่ปุ่น มีไก่แปรรูป และไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เป็นสินค้าส่งออกดาวเด่น ซึ่งไทยเป็นผู้ส่งออกไก่แปรรูปอันดับ 1 ของโลกมากว่า 15 ปี และในช่วง 11 เดือนแรกของปี 62 ไทยส่งออกไก่แปรรูป 2,392 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปี 61 ถึง 7%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • YGG (บมจ.อิ๊กดราซิล กรุ๊ป) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มบริการ โดยราคาขาย IPO อยู่ที่ 5 บาท/หุ้น โดยบริษัทฯดำเนินธุรกิจให้บริการออกแบบและจัดทำคอมพิวเตอร์กราฟิก แอนิเมชั่น เกี่ยวกับงานโฆษณา ภาพยนตร์ รวมถึงผลิตและรับจ้างผลิตเกม ด้วยการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานระดับสากล ทำให้บริษัทเป็นที่ยอมรับจากผู้ผลิตคอนเทนต์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นที่รู้จัก เช่น ภาพยนตร์แอนิเมชั่น 3 มิติ "Nezha" ของจีน ภาพยนตร์ไทย "โฮมสเตย์" และซีรีย์ "เคว้ง" ที่ออกอากาศทาง Netflix นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ผลิตและออกแบบเกม "Home Sweet Home" เกม 3 มิติ สัญชาติไทยที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั่วโลก
  • CPF (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 33.5 บาท คาดทิศทางผลกำไร Q4/62 และต่อเนื่องไปยัง Q1/63 จะยังดีต่อเนื่อง ตอบรับราคาหมูในประเทศฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 73-74 บาทต่อกก.เทียบจาก 55 บาทต่อกก.ในช่วง Q2/62-Q3/62 เช่นเดียวกับราคาหมูเวียดนามที่ฟื้นตัวขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับ 33,000 ดองต่อกก. ขึ้นเป็น 80,000 ดองต่อกก.ในปัจจุบัน
  • BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 22 บาท การที่สปส.จ่ายเงินโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ต่ำกว่าที่ประกาศไว้ที่ 12,800 บาทต่อ RW เหลือ 7,000 บาทต่อ RW คาดทำให้กำไร Q4/62 ของ BCH หายไป 60-70 ล้านบาท กระทบกำไรปี 2562 ราว 5-6% แต่ราคาหุ้นวานนี้ปรับลงกว่า 8% ด้าน P/E ปีนี้เหลือเพียง 27 เท่า ต่ำสุดในรอบ 7 ปีและต่ำกว่ากลุ่มที่ 28 เท่า Dividend yield ขยับขึ้นเป็น 2% จากปกติต่ำกว่า 1.5% ทั้งที่ ROE ปี 2563 คาดไว้ที่ 16.5% สูงกว่ากลุ่มที่ 15.7% และคาดกำไรปีนี้โต 12% สูงกว่ากลุ่มที่โต 11% กำไรที่โตมาจากรพ.หลักเดิมและ WMC และรพ.เกษมราษฎร์ รามคำแหงขาดทุนลดลง โดยยังไม่รวมการปรับขึ้นค่าหัวผู้ประกันตน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ