นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มพลังงาน บล.เอเซีย พลัส ระบุเหตุตึงเครียดสหรัฐฯ-อิหร่านจุดชนวนผลักดันราคาน้ำมันโลกพุ่ง แม้เป็นปัจจัยหนุนแรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำมัน แต่อาจเป็นแค่ภาวะชั่วคราว หวั่นหากสถานการณ์ยืดเยื้อกระทบดีมานด์ในตลาดโลกหดตัวจะเป็นปัจจัยซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ย้ำยังไม่มีแนวคิดปรับสมมติฐานราคาน้ำมันโลกปีนี้คาดเฉลี่ยอยู่ที่ 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล พร้อมชูหุ้นเด่น PTT และ PTTEP แนะลงทุนอย่างระมัดระวัง
นางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แม้ว่าปัญหาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านจะผลักดันทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากอิหร่านเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ซึ่งประกาศว่าอาจตัดสินใจปิด "ช่องแคบฮอร์มุซ" ที่เป็นช่องทางขนส่งน้ำมันคิดเป็นสัดส่วนถึง 20% ของปริมาณน้ำมันที่ใช้กันทั่วโลก สร้างความกังวลว่าอาจเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันในตลาดโลกช่วงสั้น และประเด็นข้อพิพาทของ 2 ประเทศอาจมีความยืดเยื้อ เป็นอุปสรรคต่อทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะถัดไป ส่งผลกระทบโดยตรงกับดีมานด์น้ำมันในตลาดโลกให้ยังอยู่ในภาวะถดถอยเช่นเดิม
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกระยะสั้น เชื่อว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นยังอยู่ในกรอบจำกัด ฝ่ายวิจัยฯยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนสมมติฐานราคาน้ำมันตลาดโลกปี 63 ที่คาดไว้ในระดับเฉลี่ย 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แม้ปลายปีที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบดูไบจะขยับขึ้นจาก 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาเคลื่อนไหวบริเวณ 63-64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากคาดหวังสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน จะมีสัญญาณผ่อนคลายจากแผนทำข้อตกลงในช่วงกลางเดือน ม.ค.63 ก่อนจะขยับขึ้นมาเป็น 66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากกรณีข้อพิพาทยกระดับขึ้นของสหรัฐฯและอิหร่านในรอบนี้ อย่างไรก็ตาม จุดพลิกผันที่จะทำให้ราคาน้ำมันเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นได้อีกครั้งคือภาวะเศรษฐกิจโลกต้องเริ่มส่งสัญญาณกลับมาฟื้นตัวชัดเจน
ปัจจุบันฝ่ายวิจัยฯ ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มน้ำมัน "เท่ากับตลาดฯ" แต่ระยะสั้นเชื่อว่าจะได้รับอานิสงส์จากทิศทางราคาน้ำมันที่เป็นขาขึ้น จึงแนะนำหาจังหวะเข้าซื้อลงทุนในหุ้น บมจ.ปตท. (PTT) ประเมินราคาพื้นฐาน 56.00 บาท และบมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ราคาพื้นฐาน 170.00 บาท เพราะนอกเหนือจากได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันแล้ว PTTEP มีปัจจัยพื้นฐานคอยผลักดันอัพไซด์จากโครงการใหม่ๆที่เข้าซื้อกิจการในปี 62 ส่งผลบวกกับปริมาณขายเติบโตอย่างชัดเจน เป็นปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนกำไรในปี 63 เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน ส่วน PTT เป็นบริษัทแม่ก็จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของ PTTEP ด้วย
"แม้ราคาน้ำมันจะปรับขึ้นโดดเด่น แต่เชื่อว่าเป็นแค่ภาวะชั่วคราว เพราะหากสถานการณ์สหรัฐฯและอิหร่านยังคงตรึงเครียดยืดเยื้อ ย่อมส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวแน่นอน เป็นตัวแปรสำคัญกดดันความต้องการน้ำมันลดลงในระยะถัดไป"นางสาวนลินรัตน์ กล่าว
ส่วนหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่น ถ้าในกรณีแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกยังทรงตัวสูงเช่นในระดับปัจจุบัน คาดว่าในไตรมาสแรกของปี 63 มีโอกาสได้รับประโยชน์กำไรสต็อกน้ำมัน (Stock Gain) แต่ในกลุ่มปิโตรเคมี ปัจจัยเรื่องของราคาส่วนต่างผลิตภัณฑ์ (สเปรด) ยังไม่ได้มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เพราะยังได้รับผลกระทบจากดีมานด์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปี63 ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯยังคงน้ำหนักลงทุนหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี "น้อยกว่าตลาด"
https://youtu.be/8ARt2L3BjFo