นายธนะบุล มัทธุรนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ บมจ.ทีวีไดเร็ค (TVD) เปิดเผยว่า ในปี 63 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 5-7% จากปีก่อน โดยเน้นการเพิ่มขีดความสามารถการทำกำไรให้ดีขึ้น และตั้งเป้าลดค่าใช้จ่าย 5-10% ตลอดจนผลักดันยอดขายให้เติบโตในอัตราใกล้เคียงกับภาพรวมธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้ง ท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคในปีนี้ที่มีแนวโน้มชะลอตัว
"ในปี 63 เรามุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรของบริษัทฯ ด้วยการปรับสัดส่วนรายได้ในแต่ละช่องทางการขายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในองค์กรภายใต้โมเดล Lean Strategy เพื่อลดกระบวนการทำงานที่ซ้ำซ้อนกันและเพิ่มศักยภาพการบริหารต้นทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราดำเนินการมาระยะหนึ่งและจะเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยมีเป้าหมายหลักคือการทำให้ทีวี ไดเร็ค มีกำไรสูงกว่าปีที่ผ่านมา"
อนึ่ง นายธนะบุล เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา โดยรับผิดชอบการบริหารใน 2 บริษัท ได้แก่ บมจ.ทีวี ไดเร็ค และบริษัท ทีวีดี ช้อปปิ้ง จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้ง
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจของ ทีวี ไดเร็ค และ ทีวีดี ช้อปปิ้ง ในปีนี้ ได้วางกลยุทธ์หลักภายใต้โมเดล Omni Channel ที่เชื่อมโยงการขายสินค้าทางออฟไลน์และออนไลน์ในหลากหลายช่องทางให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด โดยเฉพาะการเพิ่มยอดขายสินค้าผ่านช่องทางทีวีดิจิทัล ทีวีดาวเทียม และช่องทางคอลล์เซ็นเตอร์ Outbound (โทรหาลูกค้า) ซึ่งเป็นช่องทางที่สร้างรายได้หลักและผลกำไร รวมถึงสร้างกระแสเงินสดแก่บริษัทฯ ตลอดจนรักษายอดขายผ่านช่องทางร้านค้าปลีก (TVD Shop) และผ่านสื่อแคตตาล็อก เพื่อปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค
ขณะเดียวกันจะมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีอัตราเติบโตสูงและเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยในปีที่ผ่านมายอดขายทางออนไลน์ของทีวี ไดเร็ค มีอัตราการเติบโตประมาณ 32% สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ปรับเปลี่ยนมาเลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยในปี 2563 ตั้งเป้ายอดขายผ่านช่องทางออนไลน์คิดเป็นสัดส่วน 10-15% ของรายได้รวม
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TVD กล่าวว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งในปีที่ผ่านมา ประเมินว่ามีอัตราการเติบโตประมาณ 7% หรือมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น แม้ว่ารัฐบาลพยายามออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ยังไม่ส่งผลให้กำลังซื้อฟื้นตัวอย่างชัดเจน
ขณะที่แนวโน้มธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งในปี 63 คาดว่าภาพรวมตลาดจะเติบโตจากปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินว่าภาพรวมธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งจะมีอัตราการเติบโต 2-3% จากปีที่ผ่านมา ดังนั้นบริษัทฯ จึงหันมามุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรให้ดียิ่งขึ้น
"เรามองว่าภาพรวมธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งในปีนี้จะไม่ได้เติบโตมากนัก ขณะที่การแข่งขันจะยังคงรุนแรงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จากผู้เล่นในธุรกิจที่มีหลายราย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่ได้หยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อทิ้งห่างคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันให้มากยิ่งขึ้น โดยเรามีการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานภายใน นำข้อมูล (Data) ต่างๆ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและวิเคราะห์แนวโน้มความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งพัฒนาคอนเทนต์ในช่องทางออนไลน์เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น" นายธนะบุล กล่าว