โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) จากธุรกิจเดิมจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัว ซึ่งจะเข้ามาหนุนการฟื้นตัวของการส่งออกในประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมา JWD ได้ลงทุนขยายพื้นที่ห้องเย็นเพิ่มขึ้น และในปีนี้ก็เตรียมที่จะลงทุนเพื่อขยายพื้นที่ห้องเย็นอย่างต่อเนื่องซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจห้องเย็นที่เป็นธุรกิจกิจหลักเติบโตดี ขณะเดียวกันก็ยังได้เปิดตัวธุรกิจใหม่อย่างห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า ภายใต้ชื่อ JWD Store It! เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่ต้องการพื้นที่เก็บของส่วนตัวภายในเมือง ที่เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนุนการเติบโตและถือว่าเป็น New S-Curve ด้วย
พักเที่ยงราคาหุ้น JWD อยู่ที่ 7.55 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 0.66% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 1.46%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เอเซีย พลัส ซื้อ 12.80 เคที ซีมิโก้ ซื้อ 11.00 กสิกรไทย ซื้อ 10.00 ทิสโก้ ซื้อ 12.50 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 11.00
นางจิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า ธุรกิจเดิมของ JWD ซึ่งเป็นผู้ให้บริการคลังสินค้า ห้องเย็น รับฝากและบริหารรถยนต์ รับฝากเอกสารและข้อมูล จะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัว
ขณะเดียวกัน JWD ยังได้เปิดตัวธุรกิจใหม่อย่างห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า ภายใต้ชื่อ JWD Store It! เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่ต้องการพื้นที่เก็บของส่วนตัวภายในเมือง ที่เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนุนการเติบโตของ JWD และถือว่าเป็น New S-Curve ของ JWD ด้วย
"JWD ยังมีทิศทางการเติบโตที่ดีหลังจากมีพัฒนาการที่ดีออกมาจากการเจรจาการค้าระหว่างประเทศสหรัฐ และประเทศจีน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ JWD กลับมาฟื้นตัวหลังจากปีก่อนได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าไปค่อนข้างมาก และในปีนี้เองยังได้แรงหนุนจากธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามาหนุนเป็น New S-Curve ของด้วย"นางจิตรา กล่าว
นักวิเคราะห์ บล.เคที ซีมิโก้ เปิดเผยว่าว่า ทิศทางผลประกอบการของ JWD ในปีนี้จะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยมองว่าทิศทางการส่งออกของประเทศไทยจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน และในปี 62 ที่ผ่านมา JWD ได้มีการลงทุนขยายพื้นที่ห้องเย็นเพิ่มขึ้น และในปีนี้ก็เตรียมที่จะลงทุนเพื่อขยายพื้นที่ห้องเย็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจห้องเย็นที่เป็นธุรกิจกิจหลักมีการเติบโตดี
ขณะเดียวกันมองว่าธุรกิจอาหารก็จะเป็นส่วนหนุนการเติบโตอีกทางหนึ่งเช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจตัดผักในประเทศไต้หวันที่คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดี
"เรามองว่าผลประกอบการของ JWD จะเติบโตได้ต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งจะได้รับแรงหนุนหลักจากการส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้น รวมถึงในธุรกิจใหม่อย่างธุรกิจตัดผักในประเทศไต้หวันที่จะเข้ามาหนุนการเติบโต แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ยังต้องติดตามคือภาพรวมเศรษฐกิจและการส่งออกเช่นกันว่าจะเป็นอย่างไร"นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้านนายสรพงษ์ จักรธีรังกูร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล. กสิกรไทย เปิดเผยว่า ได้ปรับราคาเป้าหมายปี 63 ของ JWD ลงเหลือ 10 บาท จากเดิมที่ 11.30 บาท เนื่องจาก JWD มีการเติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งในธุรกิจอาหาร คลังเก็บสินค้าอันตราย และรถยนต์
แต่อย่างไรก็ตามยังคงแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจาก JWD ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในทุกๆธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจหลักอย่างธุรกิจห้องเย็นที่เป็นธุรกิจที่ดี และยังมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
"แม้ว่าเราจะมีการปรับราคาเป้าหมายลง แต่อย่างไรก็ตามเรายังคงแนะนำ"ซื้อ"เนื่องจากยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และเชื่อว่าหากธุรกิจต่าง ๆ ทำให้เอื้อประโยชน์ต่อกันได้แล้ว ผลกำไรก็จะมากขึ้นตามไปด้วยในระยะยาว"นายสรพงษ์ กล่าว