SCBS ให้กรอบ SET Index ปีนี้ 1,700-1,750 จุด มองโอกาสฟื้นจากสัญญาณบวกแม้ตอ.กลางตึงเครียดกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 9, 2020 14:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า SCBS ประเมิน SET Index ปีนี้ไว้ที่ 1,700-1,750 จุด และมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,550 จุด จากปัจจัยพื้นฐานและเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น โดยยังคงคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ (GDP) 2.8%

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดังกล่าวได้ปรับประมาณการลงจากปีก่อนที่คาดไว้ที่ 1,800 จุด จากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ ขณะเดียวกันก็คาดกำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียนไทยปีนี้จะอยู่ที่ 101 บาท/หุ้น เติบโตจากปีก่อนที่คาดว่าจะอยู่ที่ 83 บาท/หุ้น ซึ่ง EPS ดังกล่าวก็ได้ปรับลดลงจากเดิมที่คาดไว้ 103 บาท/หุ้นตามปัจจัยพื้นฐาน

"ตลาดหุ้นไทยในปี 63 น่าจะฟื้นตัวขึ้น โดยจะเห็นสัญญาณบวกที่ดีที่สุดในไตรมาส 1/63 จากเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลกดีขึ้น การอัดฉีดสภาพคล่อง และเหตุการณ์ความเสี่ยงทั่วโลกที่ลดลง โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่จะมีการลงนามข้อตกลงกันภายในเดือนม.ค.63 ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้น"

ขณะที่สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง มองว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศมากกว่าการจะยกระดับเป็นสงครามเต็มรูปแบบ แต่ก็ถือเป็นความเสี่ยงระดับโลกที่ระดับความรุนแรงจะส่งผลกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นระยะ แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันเริ่มคลายความกังวลลงหลังจากถ้อยแถลงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจแทนการใช้กำลังทหาร

"สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ โดยเฉพาะเรื่องของความกังวล ความเชื่อมั่น และเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เกิดพรีเมียมบ้าง หรือราคาสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่คาดว่าจะไม่ปรับตัวขึ้นเกิน 75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากซัพพลายที่มีมากขึ้นกว่าในอดีต" นายสุกิจ กล่าว

แต่อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีแรกก็ยังมีปัจจัยกดดัน ทั้งเรื่องของภัยแล้งที่น่าจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน, สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และโรคปอดอักเสบที่ระบาดในประเทศจีน แต่มองเป็นความเสี่ยงระยะสั้นที่อาจส่งผลต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว

นายสุกิจ กล่าวว่า แนะนำให้นักลงทุนคงสถานะการถือครองหุ้นปลอดภัยที่มีคุณภาพสูงสำหรับการลงทุนระยะยาว เนื่องจากอยู่ในช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจ (late cycle) ในขณะที่มองหาหุ้นวัฏจักรที่มีค่า beta สูงสำหรับพอร์ตซื้อขายระยะสั้น โดยกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 1/63 จึงมุ่งเน้นไปที่หุ้น global play ที่มีประเด็นกำไรฟื้นตัวควบคู่ไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นปัจจัยสนับสนุน และมี valuation ที่น่าสนใจ และความเป็นไปได้สูงที่จะมีการ re-rate หลังจากถูกลงโทษมากเกินไปในปี 62 และอาจมีเซอร์ไพร์สเชิงบวกจากการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น พร้อมกับประเด็นการเติบโตเฉพาะตัวในปี 63

โดยกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 1/63 ให้ลงทุนเพิ่มในหุ้นวัฏจักรที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตได้ดี และ valuation น่าสนใจ แนะนำหุ้น กลุ่มปิโตรเคมี เช่น IVL, โรงกลั่น เช่น TOP, ธนาคาร เช่น TCAP, BBL และการแพทย์ เช่น BCH

ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง มองยังมีความเสี่ยงเข้ามากดดันเพิ่มเติมอีกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสถานการณ์ที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.นี้ ที่อาจจะส่งผลทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง และนโยบายสำหรับภูมิภาคและโลก อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐอาจจะเริ่มปรากฏให้เห็นหลังการเลือกตั้งขั้นต้นในเดือน มี.ค.63 หรือประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตในเดือน ก.ค.63

ทั้งนี้ยังมีความเสี่ยงของแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย การผ่อนคลายนโยบายการเงินในต่างประเทศ ที่อาจจะเปลี่ยนเป็นมาตรการกระตุ้นทางการคลัง และตลาดสินเชื่อ อาจจะเปลี่ยนมามีสภาวะที่เอื้ออำนวยลดน้อยลงในปี 63 สินเชื่อขยายตัวอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย และมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในจีน มองว่าความเสี่ยงนี้เป็นความเสี่ยงสำคัญอย่างหนึ่งในตลาดสินเชื่อของเอเชีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ