นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านพัฒนาธุรกิจ บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (GPI) เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนขยายธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าด้านยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่องในปีนี้ หลังจากเห็นโอกาสจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค โดยเตรียมจัดงาน The 2nd Yangon International Motor Show 2020 ในประเทศเมียนมา ซึ่งนับเป็นการจัดงานครั้งที่ 2 จากปีที่ผ่านมา ภายใต้ความร่วมมือกับสมาคมยานยนต์แห่งประเทศเมียนมา (Automotive Association of Myanmar)
สำหรับงานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 21-23 ก.พ.นี้ ณ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้า Yangon Convention Centre (YCC) ใจกลางเมืองย่างกุ้ง ภายใต้ธีม ‘Future Driving Society’ หรือ ‘สังคมการขับขี่แห่งอนาคต’ เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อรถและกระตุ้นตลาดยานยนต์ในเมียนมาให้คึกคักยิ่งขึ้น
"การจัดงานครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมาถือว่ามีผลตอบรับที่ดีพอสมควร เราจึงเดินหน้าจัดงานในปีนี้เพื่อสร้างความต่อเนื่องและการจดจำในฐานะผู้นำการสร้างประสบการณ์แก่ผู้ใช้ยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน โดยเราได้นำความเชี่ยวชาญจากการจัดงานมอเตอร์โชว์ในไทย มาพัฒนารูปแบบการจัดงานที่มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น"นายอโณทัย กล่าว
นายอโณทัย กล่าวว่า หลังจากได้พูดคุยกับผู้ประกอบการยานยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ถือว่ามีการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ปัจจุบันมีค่ายรถในเอเชียและยุโรปตอบรับจองพื้นที่ในงานแล้ว 14 แบรนด์ มากกว่าการจัดงานครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา โดยคิดเป็นอัตราการจองพื้นที่แล้วกว่า 80% ของพื้นที่จัดแสดงทั้งหมด ค่ายรถที่เข้าร่วมงาน 14 แบรนด์ได้แก่ BMW, DFM, Ford, Fuso, GAC Motor, Jaguar, Land Rover, Mazda, Mercedes-Benz, Nissan, Scania, Suzuki, Toyota และ Volvo โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานฯ ครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ก็ตอบรับเข้าร่วมงานในปีนี้ทุกราย
ขณะที่ไฮไลต์การจัดงานฯ ในปีนี้ คาดว่าจะได้เห็นการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ และแคมเปญโปรโมชั่นส่งเสริมการขายผ่านความร่วมมือกับธนาคาร CB Bank มอบสิทธิพิเศษในการเช่าซื้อรถยนต์ภายในงานฯ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจจองซื้อจากผู้เข้าชมงานดังกล่าว จึงคาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานไม่แพ้ปีก่อน ซึ่งมีจำนวนผู้เข้าชมกว่า 2 หมื่นคน โดยภายหลังเสร็จสิ้นการจัดงานฯ บริษัทจะประเมินผลตอบรับเพื่อพิจารณาแผนการจัดงานในปีหน้า นอกจากนี้ยังมองโอกาสขยายการจัดงานมอเตอร์โชว์ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจต่างประเทศ