นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (13-17 ม.ค.) มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางบวก เคลื่อนไหวในกรอบ 1,570-1,610 จุด โดยตลาดจะค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่ 1,600 จุดหลังปัจจัยลบต่าง ๆ ลดน้อยลง ประเด็นสำคัญที่ตลาดติดตามอยู่ คือ สถานการณ์อิหร่าน, การลงนามข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และบรรยากาศของการเมืองไทยหลังสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วาระ 3
สำหรับความตึงเครียดเรื่องของอิหร่านกับสหรัฐฯ ไม่น่าจะมีการตอบโต้ที่มีนัย และนักลงทุนจะเริ่มให้น้ำหนักต่อปัจจัยนี้น้อยลง จนกว่าจะมีการตอบโต้จากอิหร่านเกิดขึ้นอีกครั้ง ทำให้นักลงทุนลดการถือสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลลบต่อราคาน้ำมันดิบ , ทองคำและพันธบัตร แต่จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นจากความกังวลที่ลดลง
ขณะที่การลงนามข้อตกลงการค้าของสหรัฐฯกับจีนในวันที่ 15 ม.ค. จะเป็นปัจจัยชี้นำตลาดหุ้นทั่วโลกในสัปดาห์นี้ แม้ตลาดดูจะเป็นบวกที่สองฝ่ายหันมาทำสัญญา และรายละเอียดของข้อตกลง รวมทั้งการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ระบุว่าข้อตกลงการค้าเฟสที่ 2 จะมีการทำหลังผ่านการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือน พ.ย.ไปแล้ว ซึ่ง KTBST คาดว่าจะทำให้ตลาดหุ้นบวกได้ไม่มากนักหลังการลงนามครั้งนี้ผ่านไป
ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศได้ผลบวกเล็กน้อย หลังร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2563 ผ่านมติสภาผู้แทนฯมาแล้วด้วยเสียง 253 เสียง เพิ่มขึ้น 2 เสียงจากการลงมติในวาระที่ 1 ของงบประมาณฉบับนี้ โดยเสียงที่รัฐบาลได้เพิ่มขึ้นคือ 1 เสียง ซึ่งไม่ได้มากนัก ทำให้ตลาดต้องไปจับตาดูการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงเสียงฝั่งรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่กิจกรรมที่หวังผลการเมืองช่วงวันหยุด ไม่ถือว่ามีผลต่อตลาดหุ้น
ด้านประเด็นอื่น ๆ ที่สำคัญในสัปดาห์นี้ คือ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจและตัวเลขการส่งออกของจีน และนโยบายการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV)
นายวิน กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตลาดมีการรับรู้ไประดับหนึ่งแล้วจึงไม่มีอะไรส่งผลต่อตลาดนัก มีเพียงประเด็นเรื่องอิหร่านที่จะยังไม่จบลง ดังนั้น การลงทุนช่วงนี้ ยังแนะให้เพิ่มน้ำหนักหุ้นที่เคลื่อนไหวตามตลาด ได้แก่ หุ้นกลุ่มใหญ่บางกลุ่ม เช่น โรงไฟฟ้า รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการทำข้อตกลงการค้า รวมไปถึงหุ้นที่มีการเก็งงบการเงินและการจ่ายปันผลในรอบนี้ โดยหุ้นที่แนะนำสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย GULF, CPALL, LH, GLOBAL, WHA, HANA ส่วนพอร์ต KTBST SET50 จะประกอบด้วยหุ้น CPALL และ RATCH