(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามภูมิภาค หลังสหรัฐฯปลดจีนออกจากประเทศแทรกแซงค่าเงิน หนุนมุมมองบวกต่อข้อตกลงการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 14, 2020 09:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกกันเป็นส่วนใหญ่ ราว 0.3% ถึง 0.5% ภายหลังจากที่สหรัฐฯได้ปลดจีนออกจากรายชื่อประเทศที่แทรกแซงค่าเงิน ทำให้เพิ่มมุมมองเป็นบวกต่อข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในเฟสแรก ที่จะลงนามกันในเร็ว ๆ นี้

ส่วนบ้านเราได้ปัจจัยบวกจากสภาผู้แทนราษฎร ผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ทำให้สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้ อย่างไรก็ดีวันนี้ให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อาจจะมีเรื่องมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้"เฟส 4 และให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,579-1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590-1,595 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ม.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,907.05 จุด เพิ่มขึ้น 83.28 จุด (+0.29%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,288.13 จุด เพิ่มขึ้น 22.78 จุด (+0.70%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,273.93 จุด เพิ่มขึ้น 95.07 จุด (+1.04%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 118.47 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.10 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 194.59 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 48.31 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.80 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.01 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.26 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ม.ค.63) 1,586.16 จุด เพิ่มขึ้น 5.53 จุด (+0.35%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 225.48 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ม.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ม.ค.63) ปิดที่ระดับ 58.08 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 96 เซนต์ หรือ 1.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ม.ค.) อยู่ที่ 0.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.25/29 อ่อนค่าจากวานนี้หลังดอลล์แข็ง คลายกังวลสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน
  • คลัง จ่อผนึก แบงก์ชาติ ออกชุดมาตรการดูแลเงินบาทเพิ่ม หวังให้การเคลื่อนไหวสอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจ ย้ำต้องเร่งทำเพื่อส่งสัญญาณให้ต่างชาติปรับพอร์ต เผยเบื้องต้นจ่อดันผู้ประกอบการขนาดกลางไปลงทุนนอก ขณะที่ธปท.เดินหน้าออกมาตรการดูแลต่อเนื่อง ยอมรับต่างชาติสนใจประเด็นค่าเงิน แต่ไร้กังวลปัญหาการเมือง
  • "สมคิด" สั่ง บีโอไอ หารือคลังฉวยช่วงบาทแข็งทำมาตรการกระตุ้นการลงทุน เน้นนำเข้าสินค้าทุน-เครื่องจักร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดผลกระทบบาทแข็ง แนะเพิ่ม 4 มาตรการ 4 ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ด้านบีโอไอ ชี้ยอดลงทุนปี 62 ทะลุเป้า จีนแซงหน้าญี่ปุ่น
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ หอการค้าไทย ปรับลดจีดีพีปี 63 เหลือโต 2.8% จากเดิมคาดโต 3.1% เหตุถูก 3 ปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า ทั้งเงินบาทแข็งค่า ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน และภัยแล้ง ฉุดเงินที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหายวับ 1.2 แสนล้านบาท แต่ยังดีได้โครงการประกันรายได้ มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีหนุนไม่ให้ตกลงกว่านี้ ชี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง หากประท้วงหนัก จนเปลี่ยนแปลงการเมือง จะกระทบต่อการลงทุน ท่องเที่ยว และนโยบายรัฐ
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 63 ศูนย์วิจัยฯ ได้ประเมินการจับจ่ายใช้สอยของคนไทยเชื้อสายจีนในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 13,150 ล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อชะลอตัวเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจทั้งค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว แจกเงินแต๊ะเอีย และค่าใช้จ่ายเครื่องเซ่นไหว้ ซึ่งมีแนวโน้มลดลงทั้งสิ้น และต้องติดตามภัยแล้งในหลายพื้นที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาเครื่องเซ่นไหว้ให้มีราคาที่สูงขึ้นกว่าปกติ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SEAFCO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 6.90 บาท แม้ราคาหุ้นวานนี้จะ +7% แต่ยัง laggard กว่ากลุ่ม ขณะที่ SEAFCO เพิ่งได้งานพัฒนาส่วนขยายศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ มูลค่าราว 550 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างกลางเดือนนี้ หนุนให้ Backlog ขึ้นแตะ 2.6 พันล้านบาทได้อีกครั้ง ทั้งนี้ บริษัทมีโอกาสได้รับงานเพิ่มจากการเป็น subcontract ของพันธมิตรอย่าง CK ทั้งโครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง สัญญา 4 และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ปริมาณงานที่จะเพิ่มขึ้นอาจช่วยชดเชยอัตรากำไรขั้นต่ำในปีนี้ที่มีแนวโน้มลดลงเพราะสัดส่วนงานค่าแรงรวมวัสดุที่สูงขึ้น
  • CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 95 บาท วานนี้ราคาหุ้นลดลง 3% แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง ขณะที่ระยะสั้นยังได้ Sentiment บวกจากข่าวภาครัฐเตรียมต่อมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้"จากเฟส 3 เป็นเฟส 4 และเตรียมปรับเงื่อนไขอนุญาตให้ผู้ประกอบการ Modern trade และร้านสะดวกซื้อเข้าร่วมได้ทุกสาขา คาด CPALL ได้ประโยชน์มากสุดเพราะมีสาขาครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ